การเขียน เรซูเม่ สมัครงาน

วิธีการ เขียนเรซูเม่ สมัครงาน ให้น่าสนใจ นั้น ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ใน เรซูเม่สมัครงาน นั้นเราจะต้องใส่ข้อมูล อะไรลงไปบ้าง ? เพื่อ ที่จะเป็นประโยขน์ กับตัวเรา ในการสมัครงาน ในตำแหน่ง นั้นๆ

และนอกจาก ข้อมูลที่จะใส่ลงไปแล้ว มี เทคนิคการ เขียนเรซูเม่ อย่างไร บ้าง

ข้ออะไร ควรระวัง ในการเขียนเรซูเม่ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เพื่อให้ เรซูเม่ ของเรา ถูกใจ AI ระบบคัดกรองเรซูเม่ด่านแรก ที่เรียกว่า ATS Friendly

และ หลังจากที่ เรซูเม่ของเราผ่าน ระบบคัดกรองจาก AI แล้ว เราจะมี เทคนิคการเขียน เรซูเม่ อย่างไร ให้เรซูเม่ อ่านง่ายที่สุด ตรงประเด็นที่สุด และ ถูกใจกรรมการที่สุด

ความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับ เรซูเม่

เรซูเม่ (Resume) คือ ประวัติส่วนตัว ของเราที่จะถูกเขียนออกมาแยกเป็นหมวดหมู่ ที่จะแสดงให้เห็นถึง ประสบการณ์การทำงาน ประวัติการศึกษา และ ข้อมูลส่วนตัว ที่จำเป็นต่อการสมัครงาน ในตำแหน่งงานนั้นๆ ซึ่งสามารถ เขียนได้ 1 แผ่นกระดาษ A4 หรือ มากกว่า 1 แต่ไม่เกิน 2 แผ่น

หัวข้อใน การเขียนเรซูเม่ หรือ ข้อมูลหลักๆ ที่ควรใส่ในเรซูเม่ คือ

นี่คือ หัวข้อ หรือ ข้อมูลหลักๆ ในการเขียนเรซูเม่ ที่เราจะต้องเอาข้อมูล เหล่านี้ ลงไปวางไว้ในตำแหน่งหัวข้อต่างๆ ใน เรซูเม่ ที่เราดีไซน์ ออกแบบไว้ สวยๆ

เมื่อข้อมูล ที่เราจะเอาลงไปใน เรซูเม่ พร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้อง ดาวน์โหลดเทมเพลต เรซูเม่ สวยๆ ออกมา แล้วนำข้อมูลเหล่านี้ ไปวางไว้ในตำแหน่งต่างๆ เราก็จะได้ เรซูเม่ ที่เราต้องการ

แต่ก่อนอื่น เรามาดูวิธีการ เตรียมข้อมูล ที่จะเขียนลงไปในเรซูเม่ ก่อนว่า เราจะต้องเขียน ให้ออกมาเป็น ภาษาอังกฤษ อย่างไร

วิธีการ เขียนเรซูเม่ สมัครงาน ภาษาอังกฤษ

วิธี การเขียนเรซูเม่สมัครงาน เริ่มจากการ ระบุข้อมูล ประวัติส่วนตัว ดังต่อไปนี้

  • ชื่อ-นามสกุล (Name&Surname)
  • ช่องทางการติดต่อ (Contact Information)
  • ประวัติส่วนตัว (Personal Information)
  • ประสบการณ์ทำงาน (Working Experience)
  • ประวัติการศึกษา (Education)
  • ทักษะ และ คุณสมบัติพิเศษ (Skill and Knowledge)
  • บุคคลอ้างอิง (Reference)
  • รูปถ่าย (Profile Picture)

ไม่ว่าจะเป็น การเขียน เรซูเม่สมัครงาน ภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ ก็จะต้องมี ข้อมูลเหล่านี้

ซึ่งเราควรที่จะ ดาวน์โหลด เทมเพลต เรซูเม่ มาก่อน เพราะ เทมเพลต เรซูเม่ แต่ละแบบ จะมีดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไป

วิธีการเลือก เทมเพลตเรซูเม่ ให้เหมาะสม กับ ตัวเอง

คือ เราควรเลือกดีไซน์เรซูเม่ ที่มีการแสดงจุดเด่น จุดแข็งของเรา ถ้าเรามีประสบการณ์ทำงานมากๆ ก็อาจจะเน้น เรซูเม่ที่มีหัวข้อ ประสบการณ์ทำงาน 3 หัวข้อขึ้นไป

เช่น เราเป็นนักศึกษา เพิ่งเรียนจบ ประสบการณ์ทำงานไม่มาก ก็อาจจะเลือกเทมเพลต ที่ โชว์ทักษะความสามารถพิเศษ ด้านอื่นๆ ด้วยเช่น การพูดภาษาที่สาม ความสามารถพิเศษในการใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพิ่มเข้ามา เป็นไอคอน

รูปแบบ เทมเพลต Resume

งานบริษัททั่วไป : เลือก ดีไซน์ที่โชว์จุดเด่นของตัวเอง จะใช้แบบ มีรูป หรือ ไม่มีรูปก็ได้ สามารถเลือก ดีไซน์ที่ทันสมัย ชิคๆ แสดงความเป็นตัวเอง ออกมาได้ อย่างไม่มีข้อจำกัด สีสันสดใสได้
งานบริการ : เลือก ดีไซน์เรซูเม่ แบบ คลาสสิค ที่มีรูป เพื่อ ให้กรรมการได้เห็น บุคลิกภาพ ของเราด้วยจากรูป
งานราชการ : เลือก ดีไซน์เรซูเม่ แบบ ทางการ ที่ออกแบบ เรียบง่าย ใช้สี โทน สุภาพ เช่น ดำ น้ำเงิน น้ำตาล เขียวเข้ม เป็นต้น

เทมเพลต เรซูเม่ จดหมายสมัครงาน

แต่พี่อยากให้น้องๆ ลองสังเกตุ ดูว่า ไม่ว่าจะ เทมเพลต Resume จะมีกี่รูปแบบ กี่สไตล์ ก็จะมี ข้อมูลที่จะต้องมีใน เรซูเม่สมัครงาน ที่พี่กล่าวมา ทั้งหมด ดังต่อไปพี่จะ มาพูดถึงรายละเอียด ข้อมูลแต่ละชนิด กันว่า น้องต้องเขียนอย่างไร มีข้อควรระวังในการเขียนเรซูเม่ อะไรบ้าง ที่ควรรู้อยู่ ใน การสมัครงาน ครั้งสำคัญนี้

สำหรับน้องๆที่ กังวลด้านภาษา และ ไม่มีเวลาทำเรซูเม่เอง สามารถใช้ บริการ รับทำเรซูเม่ ได้ที่นี่

1.การเขียน ชื่อ- นามสกุล (Name & Surname) ใน เรซูเม่ เป็น ภาษาอังกฤษ

การเขียน ชื่อ นามสกุลในเรซูเม่ แน่นอนว่า น้องต้องเขียนให้ตัวใหญ่ๆ หนาๆ โดดเด่น ออกมาจากข้อมูล ทั้งหมด อาจจะเลือกใช้ ฟอนต์ สวยๆ สะกดชื่อจริง นามสกุลจริง เป็น ภาษาอังกฤษ ให้ถูกต้อง

ถ้าน้องๆ ทำเรซูเม่ เอง พี่แนะนำให้ไปหาดาวน์โหลด ฟอนต์ สวยๆ ได้ที่นี่ Google Font นั่นเอง

ฟอนต์ที่พี่แนะนำ ในการเขียน ชื่อ นามสกุล ในเรซูเม่คือ

ซึ่ง ฟ้อนต์ เหล่านี้ น้องๆ สามารถดาวน์โหลด ได้ฟรี ใน Google Font ทั้งหมดเลย ค่ะ

2.ช่องทางการติดต่อ (Contact Information) เป็น ภาษาอังกฤษ

สิ่งที่สำคัญที่สุด ในข้อมูล ที่จะ เขียนลงไปใน เรซูเม่ สมัครงาน อีกอย่างหนึ่ง คือ ช่องทางการติดต่อ ที่บริษัท ที่เรายื่นเรซูเม่ไป สามารถติดต่อเราได้ ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และ ที่อยู่

น้องๆต้องจำไว้เลยว่า ข้อมูลเหล่านี้ จะต้องเขียนถูกต้อง และ จะคิดเผื่อกรรมการว่า จะทำอย่างไร ให้เค้าติดต่อเราได้ง่ายที่สุด เริ่มตั้งแต่

วิธีการเขียนเบอร์โทรศัพท์ ในเรซูเม่

น้องๆต้องแน่ใจว่า เป็นเบอร์ที่เราเปิดใช้จริง ไม่ใช่เบอร์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ และถ้า สมัครงานบริษัทต่างประเทศ น้องๆ ควรที่จะเขียน Country Code ของประเทศเราไปด้วย

ตัวอย่าง การเขียนเบอร์โทรศัพท์ ลงไปในเรซูเม่

ถ้าน้องๆ อาศัยอยู่ในประเทศไทย Country Code ของประเทศไทย คือ +66
ให้น้องๆ เขียน +66 แล้วตามด้วย เบอร์โทร ที่เราตัด 0 ออก ก่อน

เช่น เบอร์เราคือ 082-289-2789 

วิธีการเขียน ก็คือ (+66) 82-289-2789 

น้องควรที่จะตัด 0 ออกก่อน เพื่อให้ บริษัท จากต่างประเทศ มองเบอร์น้องปุ๊ป ก็กดโทรออกได้เลย

เห็นไหมคะว่า รายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ สำคัญมาก

วิธีการเขียนอีเมล ใน เรซูเม่สมัครงาน

ในการ ทำเรซูเม่ มี วิธีการเขียนอีเมล อยู่ คือ

  • ให้น้องๆ ใส่ อีเมล ที่ใช้เป็นประจำ
  • รู้ Password เข้าอีเมล เหล่านั้น และ
  • ควรมีอีเมล ที่ใช้สมัครงานเหล่านั้น ในแอพ มือถือ ด้วย เพราะ ว่า ถ้ามีข่าวสาร อัปเดท อะไร จากบริษัท ที่เรายื่น เรซูเม่ ไป น้องๆ จะได้ ดำเนินการต่อ ได้อย่างรวดเร็ว
  • ชื่ออีเมล์ ของน้องๆ ควรมีชื่อ ที่เป็นทางการ หน่อย
  • ทางที่ดี น้องๆ ควรใช้ ชื่อจริง และ นามสกุล จริง ใน อีเมล ไม่ว่าจะเป็นตัวย่อ ของชื่อ หรือ นามสกุล ก็ได้ เป็น ชื่อ อีเมล ด้วย

แต่ทั้งหมดนี้ ก็ไม่มีถูก มีผิดนะคะ อีเมลน้อง น้องอยากจะให้ว่าอะไรก็ได้ เอาแค่ว่า ให้กรรมการ อีเมล หาน้องง่ายๆ ก็พอเนาะ

วิธีการเขียน ที่อยู่ ภาษาอังกฤษ ใน เรซูเม่

วิธีการเขียน ที่อยู่ ภาษาอังกฤษ ในเรซูเม่ น้อง ควรใช้ตัวย่อ ให้เป็น แล้ว ก็รู้ว่าอะไร ต้องมาก่อนมาหลัง

นี่คือตัวอย่าง การเขียนที่อยู่ ภาษาอังกฤษ

ที่อยู่ภาษาไทย : 123/456 สยามปาร์ค คอนโดมิเนี่ยม หมู่ 5 ซอย นิมมาน ต.สุเทพ อ.เมือง จ. เชียงใหม่ 50200 ประเทศไทย 

ที่อยู่ภาษาอังกฤษ : 123/456 Siam Park Condominium M.5 Soi Nimman, Suthep, Muang, Chiang Mai 50200, Thailand

การเรียงลำดับ ข้อมูล ในการเขียนที่อยู่ ภาษาอังกฤษ คือ

  1. บ้านเลขที่ : ขึ้นต้นด้วยบ้านเลขที่เขียนเป็นตัวเลขไปเลย
  2. ชื่อ คอนโด หมู่บ้าน โครงการ : ตามด้วยชื่อคอนโด หมู่บ้านเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าไม่แน่ใจว่าสะกดอย่างไร ให้ เปิด Google Map ดู ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเขียนค่ะ ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่
  3. เลขที่ห้อง (ถ้ามี) : เลขที่ห้อง จะเขียนว่า Room และตามด้วยเลขได้ เช่น Room105
  4. ซอย : ให้เขียนทับศัพท์ไปเลยว่า Soiขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่
  5. ถนน : ตัวย่อ คือ Rd.เช่น ถนน นิมมาน Nimman Rd.ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่
  6. ตำบล :ไม่ต้องเขียนคำว่าตำบล เพียงแต่ให้เขียน Comma ตามหลังเท่านั้น ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่
  7. อำเภอ :ไม่จำเป็นต้องเขียนคำว่าอำเภอ เพียงแต่ให้เขียน Comma ตามหลังเท่านั้น ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญj
  8. จังหวัด :เขียนชื่อจังหวัดเป็นภาษาอังกฤษ ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่
  9. รหัสไปรษณีย์:ใส่ตัวเลขเท่านั้น
  10. ประเทศ :ใส่ชื่อประเทศ ขึ้นต้นด้วยตัวพิมพิ์ใหญ่

ประวัติส่วนตัว (Personal Information) เป็น ภาษาอังกฤษ

การเขียน ประวัติส่วนตัว อย่างละเอียด โดยจะมุ่งเน้นไปที่ สิ่งที่น้องเคยทำมา และ มีทักษะอะไรมาบ้าง หลายๆ ครั้ง

สามารถแยกเขียนประวัติส่วนตัวไปเป็นข้อๆ เช่น

  • เพศ (Gender)
  • เชื้อชาติ (Nationality)
  • ศาสนา (Religion)
  • สถานะ (Status)
  • น้ำหนัก (Weight)
  • ส่วนสูง (Height)

** คำแนะนำ **

พี่คิดว่า การเขียนแยกออกมาเป็นข้อๆ มันเชย ไปแล้ว เพราะข้อมูลเหล่านั้น สามารถเป็นดาบ สองคม ให้กับน้องๆได้

แถมน้องๆ สามารถระบุ ข้อมูลเหล่านั้นได้ วิธีอ้อมๆ จากการ ลงนามที่ จดหมายสมัครงาน ว่า นาง นางสาว นาย อะไรก็ว่าไปได้

เพราะสิ่งที่สำคัญขอเรซูเม่ คือ เค้าวัดกันที่ ประสบการณ์ทำงาน และ ทักษะ ของน้องๆ มากกว่า เรื่องส่วนตัวของน้อง นะคะ

วิธีเขียน เกี่ยวกับตัวเอง

น้องๆสามารถ เขียนเป็นบทความสั้นๆ เกี่ยวกับตัวเองได้ ซึ่งส่วนใหญ่ จะเรียกว่า
About Me/ My Profile/ Profile เป็นต้น ซึ่งหลายๆคน จะเขียนข้อความในหัวข้อนี้ เนื้อหาเดียวกันกับ Career Objective นั่นเอง

เพราะจะมี เนื้อหา เป็นเหมือนเป็นการเกริ่นนำ หรือ การแนะนำตัว ในเรซูเม่ บอกทักษะ และ ประสบการณ์ พิเศษที่เคยทำมาก่อน เป็นจุดดึงสายตา สั้นๆ ถ้านึกไม่ออก ให้นึงเวลาเราเขียน Personal Info สั้นๆ เหมือนใน Social Media ต่างๆ เพียงแต่ต้อง เขียนให้ออกมาทางการ กว่า ไม่ควรเขียนเกิน 50 words 

โดยเริ่มเขียน เกี่ยวกับ อธิบายคุณสมบัติ และ ลักษณะ ของตัวเอง น้องมีอะไรดี อะไรเด่น สามารถ พูดได้เลย เพียงแต่ น้อง ต้องคิดก่อนว่า งานที่น้องจะสมัครนั้น เค้าต้องการคนแบบไหน

ถ้าไม่มั่นใจ สามารถรับบริการ สร้างเรซูเม่ และ จดหมายสมัครงานได้ ที่นี่

ประสบการณ์ทำงาน (Working Experience) เป็น ภาษาอังกฤษ

น้องสามารถเริ่มต้น เขียนหัวข้อ ประสบการณ์ทำงาน ในเรซูเม่ เป็น ภาษาอังกฤษ ได้ดังนี้

  • My Working Experience 
  • Work Experiences
  • Experiences

รายละเอียด ในการเขียน ประสบการณ์ทำงาน คือ น้องจะต้องใส่

  1. ตำแหน่งงาน
  2. ชื่อบริษัทที่ทำงาน
  3. ระยะปี ที่ทำงาน ปีอะไร ถึง ปีอะไร
  4. หน้าที่ ที่น้องรับผิดชอบ ในงานนั้นๆ 

ซึ่ง ทั้งหมดนี้ น้องควร เขียนให้กระชับ สั้นๆ ได้ใจความ ควรใช้ ตัวหนา และ การจัดหน้ากระดาษ ร่วมด้วย และ หน้าที่ที่น้องรับผิดชอบ ควรเป็นทักษะ ที่จะเป็นประโยชน์ ในการสมัครงานตำแหน่งใหม่ด้วย

น้องๆ ทราบไหมว่า เมื่อกรรมการ ได้อ่าน เรซูเม่น้อง สิ่งที่ กรรมการ ให้ความสำคัญมากที่สุด คือ สิ่งที่น้อง เคยทำมาก่อน ดังนั้น ตั้งใจเขียน ประวัติการทำงานให้ดี เพราะ หัวข้อนี้ สำคัญที่สุด แล้วค่ะ

ประวัติการศึกษา (Education) เป็น ภาษาอังกฤษ

การเขียนประวัติการศึกษา ในเรซูเม่สำคัญมาก สำหรับ การเขียนเรซูเม่ สำหรับ นักศึกษาจบใหม่ เพราะน้องๆ อาจจะมีประสบการณ์ทำงานไม่มากนั้น ดังนั้น น้องๆ ควรใส่รายละเอียด ต่างๆ ในสิ่งที่น้องๆ เคยเรียนมา

  • ระดับการศึกษา ม.ปลาย
  • ระดับการศึกษา มหาวิทยาลัย
  • การไปเรียนแลกเปลี่ยน
  • การเข้าคลาสอบรม วิชาการ ที่เกี่ยวข้องกับงาน

โดยเริ่มเอา ระดับการศึกษา ที่จบล่าสุด ขึ้นก่อน แล้ว ก็ไล่ ลงมาเรื่อยๆ

โดยสิ่งที่ต้องเขียน ด้านการศึกษา คือ

  1. ระยะเวลาปี ที่ศึกษา
  2. สถาบัน
  3. สาขาที่เรียน
  4. รายละเอียดสิ่งที่เรียน

ทักษะ และ คุณสมบัติพิเศษ (Skill and Knowledge) เป็น ภาษาอังกฤษ

ทักษะ และ คุณสมบัติพิเศษ เกี่ยวกับงาน เป็นอีกหนึ่ง จุดขาย จุดเด่น ของเรา ที่เรา ควรที่จะเขียนใส่ ลงไปในเรซูเม่ เป็นข้อมูล ที่จะดึงดูด กรรมการ ที่อ่านเรซูเม่ ของเราว่าเรามี ทักษะ ที่โดดเด่น อะไรบ้าง

ทักษะในเรซูเม่ ที่ควรใส่ ก็คือ

  • ทักษะด้านภาษา (Language Skill)
    สามารถทำเป็นกราฟฟิก บอกว่าเราพูดภาษาใดได้บ้าง ควรมีมากกว่า 3 ภาษา และ ควรระบุว่า พูดได้ คล่อง(Fluency) มากน้อยขนาดไหน
  • ทักษะด้านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    สามารถเป็นโปรแกรมกราฟฟิค ใดๆ ก็ได้
    เช่น Wordpress, Photoshop, illustrator, InDesign, HTML, Microsoft Word, Microsof Excel ต่างๆ
  • ทักษะด้านการขาย การทำการตลาด
    Social Media Marketing, การยิงแอด Facebook, Instragram, Line ต่างๆ
  • ทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล

    การใช้โปรแกรม วิเคราะห์ข้อมูล เช่น Google Analysis, Microsoft Power BI Desktop, MicroStrategy ต่างๆ เป็นต้น

ซึ่ง ถ้าน้องๆ มีทักษะ ที่นอกเหนือ จากทักษะ ที่พี่กล่าวมาข้างต้น ก็สามารถ ควรที่จะเขียนใส่ลงในเรซูเม่ เองเลยค่ะ เพราะ นี่คือ ประวัติส่วนตัว ของเรา แต่ละคน มีจุดดี จุดขาย จุดเด่น ที่แตกต่างกันออกไป ขอให้น้อง อย่ายึดติดกับ แบบเดิมๆ เรามีอะไรดี ก็ใส่ลงไปเลยค่ะ

ยิ่งเรามีทักษะที่เกี่ยวข้องกับ ตำแหน่งงานนั้นๆ มากขึ้นเท่าไหร่ เราก็จะยิ่ง โดดเด่น มากยิ่งขึ้น

ถ้าเป็นไปได้ พี่อยากให้ น้องๆ ลองศึกษา ตำแหน่ง ที่น้องๆ ต้องการที่จะ ยื่นเรซูเม่ สมัครงาน ว่า ตำแหน่งนั้นๆ เค้าใช้ โปรแกรมอะไรบ้าง ในการทำงาน

น้องๆ ก็หันกลับมาดูว่า น้องๆ สามารถใช้โปรแกรม เหล่านั้นได้ไหม และ ก็เอามาใส่ในเรซูเม่

ซึ่ง ทักษะ และ ความสามารถพิเศษ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราสามารถ จับต้องได้ ระบุได้ว่า ทำได้ระดับไหน ถึงระดับไหน แบบนี้เราเรียกว่า Hard Skill

แต่สำหรับ บางคนที่สมัครงาน ที่ไม่จำเป็นต้องรู้ เรื่องโปรแกรม คอมพิวเตอร์ต่างๆมากนัก เช่นงานบริการต่างๆ น้องๆ ก็สามารถระบุ Soft Skill ลงไปได้

Soft Skill ก็คือ ความลักษณะนิสัย ลักษณะบุคลิกภาพ เช่น การเป็นผู้นำ การจัดการแก้ไขปัญหา การจัดการกับอารมณ์ ต่างๆ การทำงานเป็นทีม เป็นต้น

น้องสามารถลองทำ SWOT กับการสัมภาษณ์งานดูค่ะ

บุคคลอ้างอิง (Reference)

บุคคลอ้างอิง หรือ Reference สามารถเป็นอีกหนึ่งหัวข้อ ในการเขียนลงไป ใน เรซูเม่ ได้ ซึ่ง ก็แล้วแต่ บางคนอยากเขียน หรือ ไม่อยากเขียนลงไปก็ได้

การที่เราเขียน บุคคลอ้างอิง ลงไป ในเรซูเม่ จะทำให้เรซูเม่ นั้น ดูน่าเชื่อถือ ว่าสิ่งที่น้องๆ กล่าวไป ในเรซูเม่ ทั้งหมดนั้น มีน้ำหนัก เพราะมี รายชื่อ และ ช่องทางการติดต่อ ถึง บุคคลอ้างอิง ที่รู้จักน้องๆ ใส่ลงไปในเรซูเม่ด้วย

ทีนี้ ก็แล้ว แต่กรรมการว่า ต้องการที่จะ ติดต่อ กับ บุคคล อ้างอิง เหล่านั้น หรือไม่

วิธีการเขียนบุคคลอ้างอิง (Reference) ในเรซูเม่ มีดังนี้

  1. ชื่อ-นามสกุล ของบุคคลอ้างอิง
  2. ตำแหน่ง และ ชื่อบริษัท หรือ องกรณ์ที่เค้าทำงาน
  3. เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
  4. อีเมลติดต่อ

คราวนี้ น้องๆ อาจจะถามต่อว่า แล้วใครหล่ะ ควรที่จะเป็นบุคคลอ้างอิง ที่เราจะกล่าวถึงในเรซูเม่

วิธีการเลือกบุคคลอ้างอิง ในเรซูเม่

  • เราจะต้องรู้จักบุคคลนั้นๆ 

    ซึ่งเค้าควรจะเป็น ผู้ใหญ๋ในตำแหน่งงานเดิม ถ้าใครเป็นนักศึกษาจบใหม่ ก็สามารถ รบกวนอาจารย์ ที่รู้จักเรา มาเป็นบุคคลอ้างอิงให้

  • แจ้งบุคคลอ้างอิงก่อน

    เราควรที่จะแจ้งบุคคลอ้างอิง ท่านนั้นๆว่า เราจะขอระบุ ชื่อ พวกเขาเหล่านั้น ลงไปในเรซูเม่ด้วย และบอกด้วยว่า เราจะสมัครงานตำแหน่งอะไร ที่ไหน อาจจะมีคนติดต่อเขาไป

  • เราควรมีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอ้างอิง

    คือ ถ้า HR บริษัทใหม่ ติดต่อกลับไป หาบุคคลอ้างอิงเหล่านั้น ว่าเราเป็นใคร เคยเรียน หรือ เคยทำงานที่นี่จริงไหม ตอนที่เรียน หรือทำงานที่นี่ เรามีพฤติกรรมอย่างไร เค้าก็จะได้ พูดแต่สิ่งดีๆ ให้เราได้งาน

รูปถ่ายสมัครงาน (ติดเรซูเม่)

รูปถ่ายติดเรซูเม่ นั้นสำคัญมาก น้องๆ ควรให้ความสำคัญ กับการรูปถ่ายด้วย ซึ่ง ควรที่จะเลือกรูปที่เราดูดี และ เรารู้สึกมั่นใจกับมัน

ตำแหน่ง ของรูปถ่ายสมัครงาน ในเรซูเม่

โดยส่วนใหญ่ นิยม ติดรูปถ่ายสมัครงาน ในเรซูเม่ ด้านบน ของเรซูเม่

แต่ใน ปัจจุบัน มีการออกแบบ ดีไซน์ เรซูเม่ มากมาย ทำให้ ไม่จำเป็นต้อง ติดรูปถ่าย ด้านบนของเรซูเม่ เสมอไป ขึ้นอยู่กับ เทมเพลตเรซูเม่ ที่เราเลือกด้วย

ซึ่ง รายละเอียดเกี่ยวกับ รูปถ่ายสมัครงาน น้องๆสามารถ อ่านได้เพิ่มเติมที่นี่

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ การเขียน เรซูเม่สมัครงาน

คำตอบ : ควรเขียนเรซูเม่เป็นภาษาอังกฤษ 

ไม่ว่าจะสมัครงาน บริษัทในประเทศไทย หรือ บริษัทต่างประเทศ (จะเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เป็นภาษาหลักก็ดี หรือ ภาษาอื่นๆก็ดี)

เราควรที่จะ เขียน resume เป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้น เพราะภาษาอังกฤษ เป็นภาษาหลัก และ ภาษาสากล ที่ใช้กันทั่วโลก

ATS Friendly Resume คือ เรซูเม่ ที่เป็นมิตร ต่อ ระบบ ATS ซึ่งเป็นระบบที่จะใช้คัดกรอง เรซูเม่ จาก Keyword ต่างๆ ที่เราเขียนลงไป ในเรซูเม่ นั้นๆ

ก่อนที่น้องๆ จะ เขียนเรซูเม่ น้องๆควร ทำความเข้าใจก่อนว่า ระบบ ATS นั้น สำคัญอย่างไร และ จำเป็นขนาดไหน ในการเขียนเรซูเม่

ระบบ ATS (Applicant Tracking System)
คือ ระบบที่บริษัทต่างๆ เอาไว้ใช้ คัดกรอง เรซูเม่ ของผู้เข้าสมัคร เป็นด่านแรก เพื่อ ทำให้ HR หรือ คณะกรรมการสัมภาษณ์งาน ได้ทำงานได้ง่ายขึ้น

ซึ่ง ระบบ ATS จะคัดกรอง เรซูเม่ ที่ส่งเข้ามา ให้ตกรอบ ถึง 75% และ จะเหลือ เพียง 25% ของผู้ที่ผ่านเข้ารอบเท่านั้น ที่กรรมการ หรือ HR จะเข้ามาเลือก อีกครั้ง

ดังนั้น เวลาน้องๆ เขียนเรซูเม่ ก็ควรคำนึง ถึงด้วยว่า เรซูเม่ ของน้องๆ นั้น จะเป็นมิตรกับ ระบบ ATS ไหม

ยิ่งบริษัทใหญ่ๆ ผู้เข้าแข่งขันมากๆ ต่อให้น้องๆ ทำเรซูเม่ สวย ดูดี มากแค่ไหน แต่ถ้าระบบ ATS ไม่สามารถจับ เรซูเม่ ของน้องๆได้ ก็มีโอกาส สูงว่า น้องๆจะตกรอบ ตั้งแต่กรรมการยังไม่เห็น เรซูเม่ ของน้องๆแล้ว และส่งผลให้ ไม่ได้ โดนเรียก ไป สัมภาษณ์งาน

วิธีทำให้ เรซูเม่ โดดเด่น และ ได้งาน คือ

  1. ออกแบบดีไซน์ เรซูเม่ ให้สะดุดตา
  2. จัดหน้ากระดาษให้ ดี
  3. เขียนภาษาอังกฤษให้ สั้น กระชับ
  4. เรซูเม่ ต้อง Friendly กับ ระบบ ATS
  5. ดึงจุดเด่น ออกมาให้ตรงกับงานที่สมัคร
  6. มี รูปถ่ายสมัครงาน ที่ดูเป็นมืออาชีพ
  7. มี Cover Letter หรือ จดหมายสมัครงาน
  8. เสริมด้วยโปรไฟล์ Linkedin
  9. เรซูเม่ มีรายละเอียด ทักษะ และ ประสบการณ์ที่ตรงกับ งานที่สมัคร
  10. ไม่ใช้ เรซูเม่เดียว สมัครทุกงาน

เรซูเม่ สามารถมีได้ หนึ่งหน้า – สองหน้า เท่านั้น

เรซูเม่ หนึ่งหน้า เหมาะกับ : นักศึกษาจบใหม่ นักศึกษาฝึกงาน ผู้ที่สมัครงานในตำแหน่ง เริ่มต้นของบริษัท

เรซูเม่ สองหน้า เหมาะกับ : ผู้ที่ต้องการสมัครงานในตำแหน่งที่สูงขึ้น เหมาะกับ ผู้ที่ต้องการย้ายงาน ไปตำแหน่งงานที่สูงขึ้น และ มีประสบการณ์การทำงาน มาแล้วประมาณ 5 – 10 ปีขึ้นไป เพราะ คุณมีประสบการณ์ทำงาน มาที่ยาวนาน ดังนั้น จึงไม่แปลก ที่คุณจะมี เรซูเม่ สองหน้า ที่จะเขียน อธิบาย เกี่ยวกับ ประวัติการทำงานที่ผ่านมาค่ะ

โปรแกรมที่ สามารถใช้ได้ดี ในการเขียนเรซูเม่ คือ
  • Microsoft Word
  • Adobe Photoshop
  • Adobe Illustrator
  • Adobe InDesign

Format ที่นิยมในการ แนบไฟล์ เรซูเม่ คือ

  • .doc
  • .pdf
  • .jpg

ในเรซูเม่ เราควรที่จะเขียน Career Objective ลงไปด้วย ซึ่งสามารถ แทรก Career Objective  เข้าไปได้ ใน About Me ซึ่งคือ การกล่าวแนะนำตัวเองสั้นๆ ในเรซูเม่ ความยาวไม่เกิน 60 คำ เป็นต้น

แต่ถ้า ไม่อยากเขียน Career Objective ลงไปในเรซูเม่ ขอแนะนำ ให้อย่าลืม เขียน ลงไปใน Cover Letter ด้วยนะคะ

ถ้างาน อดิเรก สิ่งที่สนใจ สิ่งที่ชอบทำ ของคุณ สามารถเป็นประโยชน์ กับงานที่คุณสมัครได้ ก็ควรระบุ ลงไปด้วย เช่น

ถ้ากิจกรรมที่คุณสนใจ คือ การตีกอล์ฟ แล้ว คุณสมัครงานตำแหน่งที่จะต้อง เดินทางไป ดูแล ลูกค้า คนสำคัญ ถ้าคุณสามารถตีกอล์ฟ ได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาส ให้คุณได้ ปิดการขาย มากยิ่งขึ้น เป็นต้น

ก็ลอง คิดดูนะคะ ว่า สิ่งที่คุณสนใจ งานอดิเรก ของคุณ มีอะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์ กับ บริษัท

สำคัญ 

โปรไฟล์ LinkedIn ในเรซูเม่ นั้นสำคัญมาก ดังนี้

  • ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ
  • สร้างเครือข่าย บุคคลในวงการเดียวกัน
  • นายจ้างจะตามหาคุณทางโปรไฟล Linkedld

ควรค่ะ

นอกจาก เรซูเม่ แล้ว เราควรที่จะ ไม่ลืมเขียน จดหมายสมัครงาน หรือ Cover Letter ด้วยในการยื่นสมัครงานที่ต่างๆ รายละเอียด วิธีการเขียน จดหมายสมัครงาน อ่านได้ที่นี่

ตัวอย่าง Resume & Cover Letter สมัครงาน บริษัท

ตัวอย่าง Resume & Cover Letter สมัครงาน ราชการ

ตัวอย่าง Resume & Cover Letter สมัครงาน บริษัท ต่างชาติ

เลือกชม Templates เรซูเม่ อื่นๆ เพิ่มเติมสนใจ บริการ รับทำเรซูเม่ และ เขียนจดหมายสมัครงาน เลือกบริการที่นี่