คิดจะ เป็นแอร์ดีไหม ถ้าไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าสมัครแอร์

คิดจะ เป็นแอร์ดีไหม ถ้ายัง ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าสมัครแอร์ / สจ๊วต ติดปัญหาหลายอย่าง ทำให้ไม่กล้าไปสมัคร

จะสมัคร เป็นแอร์ดีไหม ?

นี่คือ 11 สิ่งที่คนส่วนใหญ่มันจะ กังวล และ มีคำถามมากที่สุด ในการเตรียมความพร้อมสมัครแอร์ เพราะแต่ละคน ก็เริ่มต้นหันมาสมัครแอร์ในช่วงที่ต่างกัน จึงทำให้ มีความกังวลใจ เกี่ยวกับการสมัครแอร์ / สจ๊วต แตกต่างกันออกไป

สิ่งกังวลใจ และ คำถามกังวลใจต่างๆเหล่านี้ มักจะเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ และถามมาทางเพจ ซึ่งบางคำถาม สำหรับบางท่านอาจจะไม่เคยได้คิดถึงมันมาก่อน

กับปัญหา ของคนที่ กังวลในการสมัครแอร์ และ กำลังคิดทบทวนอยู่ว่า จะสมัคร เป็นแอร์ดีไหม ?

1. อายุ กับ การสมัครแอร์

สมัครแอร์ได้จนกว่าอายุถึงเท่าไหร่?
อายุมากแล้วสมัครแอร์ได้ไหม?
อายุ 35 แล้ว สามารถสมัครแอร์ได้ไหม?

ข้อกำหนดคุณสมบัติด้านอายุ โดยทั่วไปแล้วสายการบินจะประกาศอายุขั้นต่ำ หรือ Minimum Age ไว้ค่ะ ซึ่งอย่างต่ำคือจะต้องมีอายุมากกว่า 21 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ส่วนมากของสายการบินตะวันออกกลาง

แล้วอายุมากสุดได้ที่เท่าไหร่ ?

คำตอบคือ สามารถสมัครแอร์ได้จนกว่า อายุ 35++
ในบางประเทศที่สายการบินไปเปิดรับสมัคร จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการเลยว่าจะรับผู้เข้าสมัครตั้งแต่อายุเท่าไหร่ ถึงเท่าไหร่ แต่บางประเทศที่ไปรับสมัครจะไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการเนื่องด้วยกฏหมายของประเทศนั้นๆด้วย

เพราะการประกาศอายุที่มากมากเกินกว่าที่จะไปสมัครงานนั้นผิดกฏหมายแต่ก็มีผู้เข้าสมัครหลายคนที่กังวลเรื่องอายุของตัวเอง เริ่มไปตั้งแต่ 25, 33 หรือ 38 ก็เข้าใจได้ค่ะ

เพราะว่าสายเอเชียส่วนใหญ่มักจะกำหนดอายุเลยว่า ห้ามอายุเกินเท่าไหร่ ใช่ไหมค่ะ

แต่สำหรับสายแขกนั้น อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้นค่ะ แต่ !!
มันก็อยู่ที่เราอีกนะคะว่า เราจัดการและตระหนักถึงมันอย่างไร เพราะถ้าถามถึงงานแอร์ ก็จะต้องตอบตรงๆเลยว่า เรื่องของรูปลักษณ์ นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าคุณพี่ๆ สนใจอยากจะมาสมัครแอร์ ก็จะต้องดูแลตัวเอง ให้มีรูปลักษณ์ ที่ดี แล้วก็ไปสมัคร ไม่ต้องกังวลเรื่องของอายุ เพราะอย่าลืมว่าคุณพี่ๆ มีประสบการณ์ และ วุฒิภาวะ ที่มากกว่าน้องๆเป็นแน่ ดึงสิ่งนี้ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์
แต่ลองถามตัวเองดูอีกครั้งนะคะว่า :

เราวางแผนชีวิตตัวเองไว้อย่างไร ?เรากำลังจะหาทางใหม่ๆให้กับตัวเองอยู่ใช่ไหม?หรือ เราคิดวางแผนจะเปลี่ยนสายงานไปเลย ? แล้วมาสมัครแอร์นี่ คุ้มไหมถ้าเราต้องเปลี่ยนสายงานมาเลยแบบนี้ ?

ให้ลองถามคำถามเหล่านี้กับตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นถ้าเคยทำงานไอทีมาตลอดชีวิต แต่ตอนนี้ต้องที่จะเปลี่ยนงานมาเป็น พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เพราะมันเป็นงานที่ ค่อนข้างแตกต่างกันออกไปจริงๆ แต่ถ้าแน่ใจแล้ว ก็ลุยเลยค่ะ

เพราะสำหรับสายตะวันออกกลาง เรามีโอกาสสูงมากค่ะที่จะได้รับให้เข้าทำงานกับสายการบิน ตั้งแต่อายุช่วงปลาย 20 ต้น 30 ปลาย 30 หรือจะยาวไปถึงต้น 40 สายการบินก็ยังรับมาแล้ว

แต่ !! ต้องยอมรับเลยว่า ในระหว่างการสัมภาษณ์ เราจะต้องแสดงกรรมการเห็นศักยภาพของเราจากประการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การบริการลูกค้าอย่างเป็นเลิศด้วยความเต็มใจ มีการใช้ประสบการณ์ที่มาในการใช้ทักษะต่างๆ

แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งสายการบินมักปัจจัยดที่จะรับผู้เข้าสมัครที่มีอายุมากในเรื่องดังนี้ :

ว่าบางไฟล์เราอาจจะเจอหัวหน้าบนเครื่อง ที่มีอายุน้อยกว่าเรา เราจะปรับตัวได้ไหม? จะต่อต้านไหมเมื่อมีการสั่งงาน หรือ จะร่วมมือ เพราะไปอยู่ตรงนั้น ถึงแม้ เราจะอายุมากกว่าหัวหน้าก็ตาม แต่ ต้องยอมรับว่าประสบการณ์ทำงานบนเครื่องบิน เขามีมากกว่า ดังนั้นเราจะยอมรับได้ไหม ที่ต้องทำตามคำสั่งของหัวหน้างาน

หรือ ทำงานบนสายการบิน ร่างกายเราจะสามารถปรับตัวได้ไหม ? เพราะเป็นแอร์ จะมีตารางบินที่หลากหลาย บางครั้งจะต้องทำงานเป็นระยะเวลานานๆ ตารางบินไม่สม่ำเสมอ ชีวิตไม่เป็นรูทีน เราจะยังคงรักษาสุขภาพให้ทำงานในสภาวะแบบนี้ให้แข็งแรง และไม่เป็นภาระกับบริษัท ที่ต้องคอยรับผิดชอบค่าประกันรักษาสุขภาพ (อันนี้ เป็นการคิดในมุมของบริษัทนะคะ กรรมการเค้าก็จะต้องทำหน้าที่ของเค้าในการเลือกบุคคลที่ จะทำประโยชน์สูงสุดให้กับบริษัทเนาะ

(Please keep that in mind and smile to the recruiter นะคะ)

จะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีเพื่อนร่วมห้องที่อายุน้อยกว่ามาก พลังเยอะ มีงานอดิเรกมากมาย ในวัน 21 ? จะมีปัญหาหาขัดแย้งกันไหม จะต้องมีปัญหาขอย้ายออกไหม จะคอมเพลน หรือ เข้าด้วยกันได้หรือไม่?

คำถามเหล่านี้ จะมักเป็นปัญหาที่สายการบินเจอบ่อยๆ ซึ่งทางสายการบินเองก็ไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก จึงให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ด้วย ในวันสัมภาษณ์ เพราะปัญหาเหล่านี้ อาจจะตามมาได้ภายหลัง หลังจากที่ได้รับเราเข้าทำงานแล้ว

2. Weight and height

  • Emirates
    น้องๆต้องสูงอย่างน้อย 160 ซม. และจะต้องเอื้อมเตะให้ได้ 212 ซม. โดยไม่สวมรองเท้า เขย่งเท้าได้ แต่ไม่เขย่งแบบบัลเล่ นะคะ
  • Qatar Airways
    การ์ต้าแอร์เวย์ ก็จะต้องสูงอย่างน้อย 160 ซม. ขึ้นไปเช่นกัน และจะต้องเอื้อมเตะให้ได้ 212 ซม. แต่อย่างไรก็ตามถ้าน้องๆสูงไม่ถึงจริงๆ แต่มั่นใจว่าเอื้อมเตะถึง จะไปลองดูก็ไม่เสียหายค่ะ
  • Etihad Airways
    เอทฮัด ไม่ได้ประกาศกำหนดความสูงขั้นต่ำอย่างเป็นทางการในหน้าเว็บไซต์ แต่จะต้องเอื้อมเตะให้ถึง 210 ซม. ให้ได้ค่ะ

สายการบินทั้งสามสายใช้ ระบบการคำนวนค่าดัชนีมวลกาย BMI เพื่อคำนวณสัดส่วนและน้ำหนักโดยทั่วไป ตราบใดที่ BMI ของน้องๆ อยู่ในเกณฑ์ ปกติ ก็โอเคแล้วค่ะ

3. ความสวย กับ การเป็นแอร์

ในเรื่องความสวยนี่ถูกถามเข้ามาอย่างมาก โดยเฉพาะคำถามที่เกี่ยวข้องกับ ส่วนต่างๆของร่างกาย ที่ทำให้น้องๆไม่มั่นใจว่า เค้าจะรับเข้าคัดเลือกไหม ไม่ว่าจะเป็น เรื่อง ฟัน , ผม , รอยแผลเป็นต่างๆ

แทนที่จะถามตัวเองว่า “ฉันต้องสวยแบบซูเปอร์โมเดลเพื่อมาหาสมัครงานนี้ใช่ไหม?” แต่ที่จริงแล้ว ควรจะถามว่า  “เราดีพอหรือยัง?” จะดีกว่า

อ่านเพิ่มเติม 8 เคล็ดลับที่จะสร้างความมั่นใจในวันสัมภาษณ์แอร์

ตอบคำถามเฉพาะเจาะจงเพิ่มเติม ลงลายละเอียด:

ฟัน – ในเรื่องของฟันจะต้องสะอาด ปราศจากคราบหินปูน และฟันผุ !! พอยิ้มเห็นฟันออกมาจะต้องดูสวย และ มีเสหน่ห์ เป็นแอร์ไม่ได้จำเป็นจะต้องมีฟันเรียงกันแป๊ะ เหมือนคนจัดฟัน เพียงแต่จะต้องดูแลรักษาฟันให้ขาวสะอาด ปราศจากคราบหินปูน และ กลิ่นปากก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่อย่างไรก็ดีสำหรับน้องๆคนไหนที่ดัดฟันมาแล้วก็ถือว่าโชคดี มีฟันเรียงสวยงาม แต่อย่าลืมเรื่องสีของฟันด้วยนะคะ ถ้าอยากจะเพิ่มความมั่นใจ พี่แนะนำให้ไปฟอกสีฟัน (อันนี้ไม่จำเป็น แต่ถ้าทำได้ก็ดี)

การฟอกสีฟัน ควรไปทำกับทันตแพทย์ เท่านั้น นะคะ เพื่อความปลอดภัย แล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลัง ซึ่งบางกรณีในการฟอกฟันขาว เราสามารถเอาอุปกรณ์มาทำเองที่บ้านได้ ซึ่งจะมีราคาที่ถูกกว่า

การฟอกฟันด้วยเลเซอร์ แต่ใครสะดวกทำเลเซอร์ฟอกฟันขาว ก็สะดวกสบายดี เพียง 45 นาที ก็จะได้ฟันที่ขาวสะอาดแล้วค่ะ
แต่สำหรับน้องๆท่านใดที่กำลังดัดฟันเหล็ก อยู่นะคะ ต้องขอให้รอเอาเหล็กออกก่อน แล้วค่อยไปสมัคร เพราะสายการบินจะไม่รับลูกเรือที่กำลังดัดฟันค่ะ (ยกเว้น ดัดฟันใสแบบ Invisalign) ซี่งวันไปสัมภาษณ์ ก็ควรถอดออกก่อนค่ะ

ผม – ความยาวของเส้นผม จะสั้นจะยาวก็ได้ เพียงแต่จะต้องรู้จักจัดการกับผมของตัวเองให้ออกมาดูเนี๊ยบ และเรียบร้อยที่สุดในวันสัมภาษณ์ ในวันสัมภาษณ์ สามารถถักเปีย ไปได้แต่ก็จะต้องดูเรียบร้อยอยู่ กฏ Grooming ของแต่ละสายการบิน ก็จะแตกต่างกันออกไปเล็กน้อย

ขึ้นอยู่กับสายการบินซึ่งพอได้เป็นแอร์แล้ว เค้าก็จะมีการสอน และแนะนำทรงผมต่างๆกับน้องๆอีกทีภายหลัง
แต่ในวันสัมภาษณ์ กรรมการก็ค่อนข้างคาดหวังให้น้องๆทำทรงผมให้ออกมาดู Professional ระดับนึงเลยค่ะ

สำหรับคนผมยาว

น้องๆสามารถ รวบเป็นหางม้าได้ แต่ผมด้านหน้าต้องเก็บให้เรียบร้อย หรือใครอยากทำทรงกล้วยหอม หรือ บัน ด้านท้ายก็ได้เหมือนกัน เพียงแต่ต้องระวังว่า บันไม่ควรจะสูงเกินไป ควรจะอยู่ต่ำลงมาประมาณท้ายทอยค่ะ

สำหรับคนผมสั้น

ปล่อยผมได้ แต่ถ้าผมยาวเกินปกคอเสื้อ มันและเก็บให้เรียบร้อยค่ะ น้องควรไดร์ผมไปให้ดี แล้วเก็บผมด้านหน้าให้เรียบร้อย สำหรับน้องๆผู้ชาย ไม่ควรโกนผม และ ปล่อยให้ตัวเองหัวล้าน น้องๆจะต้องจัดทรงผมให้ดี ไม่ไถข้างเป็นลวดลาย นอกจากนั้น ต้องโกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อยด้วยค่ะ

ผิว – ปัญหาเรื่องผิวที่ควรให้ความสำคัญคือ ผิวแห้ง สิว รอยสิว (รอยแดง/รอยดำ) รอยหลุมต่างๆ ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ควรได้รับการรักษาการดูแลเป็นอย่างดี แต่สำหรับรอยดำ รอยแดง เราสามารถใช้เครื่องสำอางค์ปกปิดได้ ยกเว้นแต่ปัญหาบางอย่างอาทิเช่น หลุมสิว หรือ แผลเป็นต่างๆ ที่เห็นชัด และไม่ได้อยู่ใต้ร่มผ้า ก็ควรรักษาให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยตัวเอง หรือ ไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้เรามั่นใจมากที่สุดในวันที่ไปสัมภาษณ์ แต่อย่างไรก็ดี ทางสายการบินไม่*ด้มีข้อกำหนดว่า ผู้เข้าสมัครจะต้องมีผิวที่เนียลเรียบแบบไร้ที่ติ ค่ะ

* บางสายการบิน ค่อนข้าง เคร่งครัดต่อ รอยแผลเป็น ที่เห็นได้ชัด เมื่อมีการใส่ชุดยูนิฟอร์ม ดังนั้นให้ จำไว้ว่า รอยแผลเป็นใดๆ ที่เห็นได้เมื่อมีการใส่ชุดยูนิฟอร์มนั้นๆ เราจะต้องดูแลเป็นพิเศษ

4. สนามรับสมัครลูกเรือ

ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ ถ้าเราสามารถเดินทางไปยังประเทศที่สายการบินกำลังเปิดรับสมัครลูกเรืออยู่ เราก็มีโอกาสที่จะเข้าสัมภาษณ์ และได้รับให้เข้าทำงานกับสายการบินเสมอ
อย่างไรก็ตาม น้องๆจะเห็นได้ว่า สายการบินไม่ได้จัดการสัมภาษณ์ ขึ้นในทุกประเทศ
ปัจจัยเหล่านี้ จะเป็นตัวกำหนดว่าเค้าจะเลือกไปสัมภาษณ์ที่ไหนบ้าง
จำนวนลูกเรือที่สายการบินมีจากประเทศนั้นๆ
สายการบินมักจะชอบที่มีลูกเรือจากหลากหลายเชื้อชาติ แต่ถ้าเค้ามีจำนวนลูกเรือของชาตินั้นๆ มากอยู่แล้ว สายการบินก็จะเลือกที่จะไปรับสมัครลูกเรือชาติอื่นๆบ้าง ดังนั้นเราจะเห็นว่า สายการบินไม่ได้มารับลูกเรือไทยไปบ่อยๆ จะมาเป็นรอบๆ ปีไหนโชคดีมารับสมัครทั้งปี ก็ดีไปแต่ให้ลองสังเกตุดูค่ะว่า เค้าไม่ได้มาบ่อยๆ ทุกๆปี

ภาษา

สายการบินส่วนใหญ่ จะชอบที่จะมี Native Speaker ของประเทศนั้นๆที่บินไป ถ้าสายการบินมีการเปิดรูทบินใหม่ๆเพิ่ม เค้าก็จะอยากมีลูกเรือที่พูดภาษานั้นๆได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น มีไฟล์บินไปที่ประเทศจีน ก็มักจะมีลูกเรือที่พูดภาษาจีนได้อยู่ในไฟล์นั้นๆด้วยค่ะ

ระดับภาษาอังกฤษโดยทั่วไป

สำหรับบางประเทศที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว ก็จะทำให้สายการบินไปเปิดรับสมัครลูกเรือที่ประเทศเหล่านั้นบ่อยๆค่ะ

ดังนั้นเราควรตระหนักถึงข้อเหล่านี้ด้วยว่าทำไมสายการบินถึงมาหรือไม่มารับลูกเรือที่ประเทศไทยบ่อยนัก แต่เราก็สามารถเตรียมตัวไปสมัครที่ประเทศใกล้เคียงได้นะคะ อาทิเช่น ประเทษมาเลเซีย หรือ สิงคโปร์

Emirates และ Etihad – น้องๆสามารถสมัครออนไลน์ไว้ก่อนได้เลยก่อนที่สายการบินจะประกาศมารับสมัครที่ประเทศเรา หากใบสมัครออนไลน์ของน้องๆถูกเลือกไว้ น้องๆจะได้รับจดหมายเชิญให้ไปสัมภาษษณ์ในรอบ Assessment Day พร้อมทั้งรายละเอียดสถานที่รับสมัครต่างๆค่ะ บางครั้งอาจจะส่งมาเชิญเมื่อสายการบินมาเปิดรับสมัครที่ไทย หรือ ประเทศใกล้เคียงด้วย แต่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดจากการเข้าร่วมกิจกรรมนี้ จะต้องรับรับผิดชอบเองนะคะ สายการบินจะไม่มีการชดใช้ค่าใช้จ่ายใดๆในการเดินทางมาสัมภาษณ์ให้ค่ะ

Qatar Airways – สายการบินนี้ มักจะชอบให้มีการ Drop CV ในรอบต่างๆก่อน ไม่ว่าจะเป็นรอบ Open Day หรือ Assessment Day โดยค่อนข้างใจกว้าง มักจะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าสมัครทุกคนที่สมัครออนไลน์ ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ กับกรรมการจริง โดยจะประกาศสถานที่ และเวลาในการเข้ารับสมัครทางหน้าเว็บไซต์ ค่ะ ถ้าน้องๆยินดี ก็สามารถเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นเพื่อร่วมงานได้เลย แค่เตรียม CV ไปให้พร้อมค่ะ

5. ปัญหาสุขภาพ

สุขภาพแอร์ ไม่ได้มีกฏอะไรมากมายสำหรับเรื่องของสุขภาพของผู้เข้าสมัคร ที่จะไม่ผ่านการทดสอบทางร่างกาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละสายการบินจะมีกฏ และ ข้อกำหนดที่แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็จะมีหลักๆโดยทั่วๆไปดังนี้ค่ะคือ:

  • น้องๆจะต้องไม่เป็นโรคติดต่อ
  • ไม่ว่าน้องจะมีปัญหาสุขภาพอะไรก็ตาม ปัญหาเหล่านั้นจะต้องไม่มารบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของน้องๆ

ซึ่งนี่อาจจะเป็นการกล่าวแบบกว้างๆค่ะ แต่นี่คือหลักโดยทั่วๆไปจริงๆในการพิจารณา

ยกตัวอย่างเช่น : ถ้าน้องเป็นโรคปวดหลังเรื้อรัง แล้วมันรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันของน้องๆ ก็จะส่งผลให้น้องไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพได้ หรือ เป็นโรคเมาเครื่องบิน อันนี้ก็อาจส่งผลกระทบต่องานได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แต่ละสายการบินจะมีหลักและกฏเกณฑ์ที่เฉพาะแตกต่างกันไปนะคะ อันนี้พี่ยกเป็นเพียงตัวอย่างให้เห็นภาพได้ชัดเจนเท่านั้นค่ะ

6. รอยสัก และ รอยเจาะต่างๆ ตามร่างกาย

แม้ว่ารอยสัก ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ทางสายการบินมักไม่ชอบ ให้ลูกเรือของตนเองมีรอยสักต่างๆค่ะ หากน้องๆรู้ตัวตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่าอยากทำงานเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินหล่ะก็ พี่แนะนำว่าอย่าเพิ่งไปสักนะคะ แต่ถ้าใครสักไปแล้วก็มาดูกันค่ะว่าสักตรงไหน

ตำแหน่งต่างๆเหล่านี้ จะเป็นตำแหน่งที่ห้ามเห็นรอยสัก : แขน ขา คอ และ ก็ใบหน้า ค่ะ แต่หากน้องๆมีรอยสักในบริเวณเหล่านี้ก็ต้องทำใจยอมรับนะคะว่า น้องไปสมัครได้ค่ะ แต่น้องๆอาจจะไม่ควรคาดหวังมากนะคะ จนกว่าน้องๆจะลบรอยสักออก และ

ไม่ควรเข้าร่วมการสัมภาษณ์ก่อนที่รอยสักจะถูกลบออกอย่าง สมบูรณ์

ต่างหูสำหรับสุภาพสตรี เฉพาะการเจาะที่มองเห็นได้คือการเจาะหู (ข้างละรูเท่านั้น) ที่อนุญาติ และ ไม่อนุญาตให้สุภาพบุรษ เจาะหู หรือเจาะร่างกายในที่ต่างๆ
หากน้องๆมีการเจาะในจมูก/ริมฝีปาก/หรือคิ้ว และไม่มีช่องมองเห็นได้เมื่อถอดเครื่องประดับออกแล้ว จะไม่เป็นไรค่ะ แต่น้องๆก็ต้องเต็มใจที่จะเอาเครื่องประดับต่างๆเหล่านั้นออกด้วยค่ะ
สำหรับน้องๆผู้หญิงบางท่านที่ไม่เคยเจาะหู ก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเจาะนะคะ สายการบินโอเคค่ะที่น้องๆจะไม่เจาะหู

7. แผลเป็น กับ การสมัครแอร์

รอยแผลแอร์ เป็นในที่นี้ที่จะกล่าวถึงคือ รอยแผลเป็นจาก แผลอีสุกอีไส แผลผ่าตัด รอยแผลล้ม หรือ รอยแผลจากโดนไฟไหม้ หรือน้ำร้อนลวก ถ้าน้องๆมีรอยตำหนิ รอยแผลเหล่านี้ต่างๆที่พี่กล่าวมานี้ ที่บริเวณ ใบหน้า ลำคอ แขน ขา น้องๆต้องมั่นใจว่า สามารถเอาเครื่องสำอางค์มาปกปิดให้ได้ ไม่ให้เห็รอย หรือการไว้ผมยาวปิด หรือสวมถุงน่องทับอีกทีหนึ่งในกรณีที่เป็นที่ขา
หากน้องๆทำได้ พี่คิดว่าจะไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับน้องๆผู้ชาย รอยแผลเป็นต่างๆก็จะมีให้กังวลเพียงแค่ บริเวณ ใบหน้า ลำคอ และ บริเวณมือ เท่านั้น เนื่องจากชุดยูนิฟอร์มของผู้ชายส่วนใหญ่ จะเป็นเสื้อแขนยาว และ กางเกงขายาว อะไรที่อยู่ใต้ร่ม ยูนิฟอร์ม ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจมากนัก แต่น้องๆผู้ชาย ทางสายการบินมีกฏไว้ว่า ไม่อนุญาติให้แต่งหน้านะคะ (แต่ทาแป้งฝุ่น ทาบีบีเบาๆ ได้ค่ะ เอาเนียลๆ เหมือนไม่แต่งนะคะ )
สำหรับรอยแผลเป็น ถ้าอยากหายไวๆ พี่แนะนำให้ไปรักษาด้วยเลเซอร์ค่ะ เดี๋ยวนี้มีคลีนิคมากมายให้เลือก ก็ให้ปรีกษาคุณหมอผิวหนัง และเลือกรักษาให้ตรงกับชนิดแผลเป็นที่เราเป็นค่ะ แต่ถ้าใครไม่อยากเสียสตางค์ และไม่ได้เป็นรอยแผลเป็นอะไรมากนัก ก็สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ค่ะ แต่อาจจะต้องใช้เวลา และ ขยันทาครีมลบรอยแผลเป็นหน่อย เท่านั้นเอง ยี่ห้อที่พี่แนะนำ คือ BioOil ขวดสีส้มๆ กล่องสีขาวๆส้มๆค่ะ มีขายที่วัตสัน หรือร้านยาชั้นนำต่างๆ ใครขี้เกียจก็สั่งออนไลน์ได้เลยจ่ะ ง่ายดี
ทีนี้มาพูดเรื่อง Birthmarks กันค่ะ ถ้าเรามีรอยปานต่างๆ ถ้ามีขนาดเล็กๆ ก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้ามีขนาดใหญ่ แล้ว มีสีเข้ม จะต้องห้ามให้เห็นเมื่อสวมชุดยูนิฟอร์ม
สายการบินบางสายต้องยอมรับจริงๆว่า เค้าค่อนข้างเข้มงวดมากในเรื่องกรูมมิ่งของลูกเรือ โดยเค้าจะชอบผู้เข้าสมัครที่ไม่มีรอยแผลเป็น หรือ รอยปานต่างมากกว่า ซึ่งมันเป็นความชอบของสายการบินที่เราไปบังคับไ่ม่ได้จริงๆ ค่ะ

8. ปัญหาไม่เก่งภาษา กับ การสมัครแอร์

เค้าต้องการให้น้องๆคล่องเพียงภาษาเดียวเลยนั่นก็คือภาษาอังกฤษ หากน้องๆสามารถพูดคุยในภาษาอื่น ๆได้ด้วยก็เป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะกรณีที่สายการบินจะทำการเปิดรูทบินไปยังปลายทางที่ใช้ภาษานั้นๆ
อ้อ ถึงแม้จะเป็นสายการบินแขก น้องๆไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอาหรับ นะคะ แต่ถ้าน้องๆพูดได้ ก็ถือเป็นข้อได้เปรียบค่ะ

9. แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว เป็นแอร์ได้ไหม

เรื่องนี้ก็เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่มีการพูดถึงกันอย่างมาก ในเรื่องสถานะของลูกเรือ เพราะสัญญาที่สายการบินทำกับลูกเรือนี้เรียกว่า “A Single Status Contract” เป็นสัญญาที่สายการบินจะมอบ ที่พักให้ฟรี ฟรีรถรับส่งไปสนามบิน ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ รวมถึงตั๋วฟรีต่างๆที่ลูกเรือจะได้รับหลังจากเข้าทำงานแล้ว สิ่งเหล่านี้สายการบินจะมอบให้กับลูกเรือ เฉพาะเท่านั้น ถึงแม้ว่าลูกเรือคนนั้นจะแต่งงานมีครอบครัวแล้วก็ตาม สายการบินจะไม่ได้อำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้กับลูกเรือที่ประสงค์จะนำครอบครัวย้ายตามมาอยู่ด้วย ลูกเรือจะต้องซัพพอร์ต ครอบครัวของตัวเอง ด้วยตนเอง และไม่สามารถนำครอบครัวมาอยู่ในที่พักที่ หรือ มีประกันนชีวิตที่จ่ายให้โดยสายการบิน
แต่ !!! นี่ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้รับการว่าจ้าง หากเรามีคู่สมรส หรือมีบุตรแล้วนะคะ เพียงแต่เราต้องรับผิดชอบค่าดำเนินการต่างๆ หากคู่สมรส หรือ บุตร ประสงค์ย้ายตามมาค่ะ และสำหรับการยื่นวีซ่าให้คู่สมรส หรือ บุตร หรือ เงินสงเคราะห์ค่าเช่าบ้าน จะสามารถทำได้หลังจากผ่านโปร แล้ว 6 เดือนค่ะ

การแต่งงานไม่ควรรบกวนประสิทธิภาพการทำงานของเรา ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม

10. ประสบการณ์ทำงานที่ผ่านมา กับ การสมัครแอร์

สายการบิน Emirates ต้องการผู้เข้าสมัครที่มีประสบการณ์อย่างน้อยหนึ่งปีในด้านงานการบริการลูกค้า
สำหรับ Etihad และ Qatar Airways ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ใด ๆ เกี่ยวกับงานบริการ หรือ ประสบการณ์การทำงานใดๆมาก่อนเลยก็ได้ อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เข้าสมัครที่มีประสบการณ์ ในด้านงานบริการลูกค้า ถือเป็นข้อได้เปรียบ เพราะในระหว่างการสัมภาษณ์ น้องๆ จะสามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้องกับงานบริการต่างๆนี้ได้ดี เพราะได้ฝึกฝนทักษะเหล่านี้มาแล้ว
สำหรับน้องๆที่เพิ่งจบใหม่ ก็สามารถไปสมัครเข้าสัมภาษณ์ได้เช่นกันค่ะ แต่น้องๆไม่เคยทำงานมาก่อน พี่แนะนำให้พูดประสบการณ์ในมหาลัย ก็ได้ค่ะ หรือประสบการณ์ฝึกงานของน้องๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่อง Teamwork, Working Under-pressure, หรือ ด้าน Conflict Management ค่ะ

11. ต้องมีใบรับรองว่า ผ่านการเรียนแอร์ไหม

สำหรับสายการบินในตะวันออกกลาง การที่จะได้เป็นลูกเรือที่ถูกต้องตามกฏหมายการบิน เราจะต้องได้รับการเทรนนิ่ง หลักสูตรของสารการบินนั้นๆที่เราร่วมงานด้วย และจะต้องผ่าน หมดทุกหัวข้อ เพื่อที่จะได้ใบLicense ที่สามารถทำงานเป็นลูกเรือได้อย่างถูกต้อง หน่วยงานการบินพลเรือนในประเทศนั้นๆค่ะ

ใบอนุญาตเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของประเทศเรา ไม่จำเป็นต้องใช้ และจะไม่ถูกพิจารณาให้เป็นเอกสารที่ถูกต้องในประเทศอื่น

ดังนั้นไม่ต้องเสียเวลา ไปเรียนหลักสูตรต่างๆ เพื่อเอาใบอนุญาติในการเป็นลูกเรือนะคะ ยกเว้นแต่ คอร์สที่จะสอนน้องเรื่อง วิธีการสัมภาษณ์ต่างๆให้ประสบความสำเร็จ และได้เข้าทำงานกับสายการบินที่น้องๆต้องการ
สำหรับเราคนไทย พี่แนะนำให้ฝึกพูดภาษาอังฤษ ให้เก่งๆ และปรับบุคคลภาพ และทัศนคติให้พร้อมที่จะทำงานกับองค์กรณ์นานาชาติกันดีกว่าค่ะ

นี่เป็นความกังวล 11 อันดับแรกๆที่พี่ได้รวบรวมจากคำถาม ต่างๆที่น้องๆถามเข้ามานะคะ หากน้องๆมีข้อมูลเพิ่มเติมที่อยากถามเพิ่ม สามารถทิ้งคอมเม้นไว้ด้านล่าง พี่จะรีบมาตอบให้เร็วที่สุดค่ะ

รับขั้นตอนการสมัครแต่ละสายการบินในหัวข้อ “วิธีการเข้าร่วมสัมภาษณ์งานแอร์สำหรับสายการบินในตะวันออกกลาง”

Get the Job!

Be ready to answer any interview question

เทคนิค STEP เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยในการสัมภาษณ์งานของน้องๆ ได้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้หาคำตอบที่สมบรูณ์ และ เหมาะสมที่สุดของแต่ละบุคคล

เรียนแอร์ เพื่อ ให้ผ่านสัมภาษณ์งาน