ฝึกภาษาอังกฤษ สำหรับ คนที่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เลย เค้าเริ่มต้นกันยังไง จะต้องฝึกอะไรก่อนดี ให้เป็น พื้นฐาน ต่อยอด ไปทีละขั้น Step by Step ให้ พูดภาษาอังกฤษ ให้ได้ในที่สุด วันนี้ เรามี วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษ มา แนะนำ 20 วิธี ที่จะช่วย เป็น แนวทางในการ ฝึกภาษาอังกฤษ ด้วยตัวเอง เบื้องต้น พร้อมทั้ง แจก ประโยคพื้นฐาน ให้นำไปใช้ต่อ ได้แบบฟรีๆ

ฝึกพูดภาษาอังฤษในชีวิตประจำวัน

วิธี ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้ได้ทีละขั้นตอน

นี่คือ 20 วิธี การฝึกพูดภาษาอังกฤษ ที่พี่ทำกับตัวเอง แล้วรู้จักว่าได้ผล จากคน ที่ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สู่ คนที่พูดภาษาอังกฤษ ได้ และ มั่นใจขึ้นด้วย ต้องทำยังไง ฝึกอะไรก่อน ต้องจำอะไรบ้าง พาตัวเอง ไปอยู่ ในสถานการณ์ไหนบ้าง ที่จะ เพิ่มโอกาส ให้เรา เก่งภาษาอังกฤษ มากยิ่งขึ้น จนในที่สุด ก็พูด ได้ เหมาะสำหรับ ผู้ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง เบื้องต้น หรือ คนที่อยาก ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับลูก ให้ลูกพูดได้จากที่บ้าน ก็อ่าน โพสนี้ได้เลยค่ะ

ซึ่ง พี่ขอเรียงวิธีที่ สำคัญที่สุด ในการ พัฒนาการพูดภาษาอังกฤษ ของน้องๆ ดังนี้

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ กับเพื่อนต่างชาติ

1. ฝึกผัน Verb ภาษาอังกฤษ ให้ได้ก่อน

น้องๆ อาจจะงงว่า พี่ หนูจะ ฝึกพูด ทำไมต้องมา ผัน Verb ด้วยอ่ะ อ้าา เหตุผลก็คือ ถ้าน้อง ฝึกผัน Verb ได้ น้องจะ ยิงปีน นัดเดียว ได้นกหลากตัว มากกว่า 2 แน่นอน

เพราะว่า น้องจะได้ทั้งคำศัพท์ ที่เป็นกริยา เวลาน้องพูด มันแน่นอนอยู่แล้วว่า น้องอยากจะบอกว่า มันเกิดอะไรขึ้น นั่นก็คือ คำกริยา นั่นเอง จากนั้น ถ้าน้อง ผัน Verb เป็น น้องก็จะพอเดาออกว่า เออๆ ถ้าจะพูดรูป อดีต ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วอ่ะ ต้องใช้ Verb ตัวไหน

ซึ่ง พี่จำได้แม่นเลยว่า ครูสมัย ม.3 เนี่ย ให้การบ้านพวกเราไปผัน Verb แล้วก็ออกข้อสอบ และนี่ก็คือ จุดเริ่มต้น ที่ทำให้พี่ ได้ เริ่ม กล้าพูด มากขึ้น ถึงจะเรียงประโยคไม่ถูก ช่วงแรกๆ แต่อย่างน้อย เราก็สื่อสารได้ละ ว่าต้องการจะสื่อว่าอะไร นึกออกไหม

2. จำประโยคง่ายๆ ของ Tense ที่ใช่บ่อยๆ

ใช่แล้ว การที่เราจะพูดให้ได้ เราต้องรู้จัก Tense พื้นฐานหลักๆ พี่ขอ 3 Tense ง่ายๆเลยคือ

  1. ประโยคภาษาอังกฤษ Present Tense คือ ประธาน กริยาV1 กรรม
    เช่น I love you.
  2. ประโยคภาษาอังกฤษ Past Tense คือ ประธาณ กริยาV2  กรรม
    เช่น I went to Japan last year.
  3. ประโยคภาษาอังกฤษ Future Tense คือ ประธาณ will + VInf (Verb ที่มันไม่ใส่อะไรอ่ะ) + กรรม
    เช่น I will go to Japan next month.

ทำไมต้องจำ 3 Tense นี้

คือ อี 3 Tense นี้คือ Tense หลักๆ เลย สำหรับ ผู้เริ่มต้น ฝึกภาษาอังกฤษ จำ หลักการของ 3 Tense นี้ ให้ได้ก่อน พออยากจะพูด ออกรส ออกชาติ ค่อย จำ Tense ที่เหลือ เช่น Present Continues /Present Perfect .. และอีกที่เหลือ ซึ่งมีทั้งหมด 12 Tense

เอาจริงๆป่ะ พี่ก็ลืมชื่อ Tense หมดแล้วอ่ะ แต่ตอนเด็กๆ  จำได้แม่นเลยนะ แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้นะตอนนั้น แต่ตอนนี้ พูดภาษาอังกฤษ ได้คล่องแล้ว ไม่เห็นแคร์ ต้องไปจำชื่อ Tense อะไรเลย ปวดหัว ยกเว้นจะเอาไปสอบ อ่ะนะคะ

นี่ถ้าอาจารย์สอนภาษาอังกฤษมาอ่าน คงจะ Inbox มาบ่น อิอิ กราบขอประทานอภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

อ่ะพอผัน Tense เป็น จำ Tense หลักๆได้ ก็จะช่วยให้ วางรูปประโยค ได้ดียิ่งขึ้น ถ้าอยาก Test ว่า เห้ยเรา เรียงรูปประโยคผิด ไหมนะ ฝรั่งเค้า พูดกันยังไง เรียงประโยคแบบไหน วิธีเช็ค คือ

ให้พิมพิ์ประโยค ที่เราต้องการจะพูดลง Google ถ้ามันขึ้นไม่ตรง หรือ มีการแก้คำ ก็แปลว่า เขียนผิด อันนี้คือ วิธีการเช็คง่ายๆ แบบที่ ทำได้เองเลย นะคะ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ

3. จำคำ คุณศัพท์ และ คำวิเศษณ์ ให้ได้สักอย่างละ 300 คำ

ถ้าเราจะ ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้รู้เรื่องเนี่ย เราจะต้องจำ ขยายความ ของเค้าด้วย ไม่งั้นจะกลายเป็น พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ พูดไม่รู้เรื่อง

เช่น It rains แปลว่า ฝนตก…
อ้าวแล้วยังไงต่อ พูดไม่จบ ฝนตก เออ ละทำไมอ่ะ ฝนตก ตกแรง ตกหนัก ตกปรอยๆ ตกเป็นฝอยๆ อะไรก็ว่าไป นึกออกไหมคะ ดังนั้น เราต้องรู้จักใช้ คำคุณศัพท์(Adjective)/คำวิเศษณ์(Adverb) ให้ได้ด้วย ในกรณีนี้ ก็จะได้เป็น

It rains heavily.

4. ฝึกการใช้ Modul Verb

Modal Verb คือ คำ Verb ที่ต้องใช้กับ Verb ตัวอื่น ถึงจะมีความหมาย จริงๆน้องไม่ต้องจำก็ได้ว่ามัน คือ อะไร แต่สิ่งที่ต้องทำ คือ จำ ว่ามันมีอะไรบ้าง กริยาพวกนี้ ใช้บ่อยมาก ในการ พูดภาษาอังกฤษ ซึ่งมีดังนี้

  • can / could สามารถ…
  • shall จะ … should ควรจะ …
  • may อาจ.. might อาจจะ …
  • will / would จะ…
  • must ต้อง..

แล้วมีพวกอีก ที่เรียกอีกชื่อ คือ ought, had better, dare และ  need
อ่านเพิ่มเติมรายละเอียด เกี่ยวกับ Modal Verb ได้ที่นี่

คือ Modal Verb พวกนี้มันใช้บ่อย ใน การพูดภาษาอังกฤษ

ยกตัวอย่าง ฝึกพูดด้วย Modal Verb

  • I can eat spicy food.
    ฉัน สามารถกิน อาหารเผ็ด
  • I should stay home for 14 days.
    ฉันควรที่จะอยู่บ้าน 14 วัน
  • I will miss you.
    ฉันจะคิดถึงคุณนะ
  • I must go to the toilet now.
    ฉันต้องไปห้องน้ำ ตอนนี้

5. ฝึก ออกเสียงคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ให้ถูก รู้จังหวะหนักเบา ของคำ

ฝึกออกเสียง ภาษาอังกฤษ

การฝึกออกเสียงคำศัพท์ในภาษาอังกฤษ เค้าเรียกว่า Pronunciation ตรงนี้แหละ จะเป็นการแบ่งแยก ใครสำเนียงได้ สำเนียงไม่ได้ และ ตรงนี้แหละที่คนชอบอาย จากการที่คนอื่นบอกว่า กระเดะ ออกเสียง แบบสำเนียงฝรั่ง ขอบอกเลยว่า อย่าไปอาย เพราะ ถ้าอายก็พูดไม่ได้ เพื่อนฝรั่ง อาจารย์ฝรั่ง ถามอะไรเรา ก็จะ ห๊าาา อะไรน้าา อยู่อย่างนั้น เพราะฟังไม่ออก ว่าเราพูดอะไร

การฝึกออกเสียง ภาษาอังกฤษ ฝึกเอง ได้เลย จากการฟังเสียงในกูเกิ้ล ว่าเค้าพูดว่าอะไร เทคนิคการฝึกออกเสียง คือ คำหนึ่งคำ มันจะมีจังหวะ หนักเบา ไม่เท่ากัน เราต้องรู้ว่าคำๆ นั้น มันจะพูดจังหวะหนัก ที่ พยางค์ไหน

สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานในการออกเสียง ภาษาอังกฤษเลย

ตรงจุดนี้ต้องบอกเลยว่าเราต้องฝึกเหมือนเด็กเลย ตั้งแต่ ฝึกอ่านตัวอักษร ภาษาอังกฤษ ให้ได้ก่อน จะได้อ่านได้ถูกๆ
ตัวอย่างเช่น จะอ่านคำว่า CAT อย่าอ่านว่า ซี-เอ-ที แคท แมว ให้อ่านว่า เคอะ-แอะ-เทอะ แคท แทน นึกออกไหมคะ

การฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ กับ Google บอกอธิบายลักษณะปาก

การฝึกพูดออกเสียงภาษาอังกฤษ

กูเกิ้ล มีไอเทม ใหม่มาอีกละค่ะ น้องๆ น้องๆสามารถ ฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษ ได้ จาก Google

  1. โดยการ พิมพิ์ คำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่เราต้องการ ออกเสียง
  2. จากนั้น พิมพิ์ต่อคำว่า “Pronunciation”
  3. แล้ว กดเซิ้ด มันก็จะขึ้นมาให้ แบบ รูปด้านบน
  4. แล้ว น้องๆ ก็กดฟัง ดูลักษณะปาก ได้ ทั้งแบบ British English กับ American English
  5. สามารถเลือกได้ว่า ให้พูดช้าๆ ชัดๆ ได้ด้วย

โอ๊ย เลิศค่ะ อะไร จะดีงามขนาดนี้ และ ออกเสียงได้หมดนะ

ฝึกพูดภาษาอังฤษในชีวิตประจำวัน

6. ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ด้วยการ ตั้งคำถามง่ายๆ

เทคนิคต่อไป ใน วิธีการการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้ได้เก่งๆ นั่นก็คือ ฝึกตั้งคำถามค่ะ เพราะ เวลา เราสนทนาภาษาอังกฤษ จะ พูดๆ เป็นประโยคบอกเล่า อย่างเดียวไม่ได้ เค้าถามคำถามเรามา เราตอบ และ มันก็จะต้องมี การถามคำถาม กลับไป จริงไหม

ดังนั้น จะฝึกพูดภาษาอังกฤษ ทั้งที เราก็ต้อง ฝึกตั้งคำถามเป็นภาษาอังกฤษ ด้วย ว่า เค้ามีรูปประโยคในการตั้งคำถามยังไง คำถามแบบปิด คือ ให้ตอบว่า Yes หรือ No / คำถามปลายเปิด ที่แบบต้องอธิบายสิ่งเหล่านั้น

และแน่นอน ให้จำ ให้ได้สัก 5 – 6 รูปแบบประโยคคำถามภาษาอังกฤษ ยืนพื้นไปก่อน อันนี้ให้จำไปเลยนะ พอเราจำได้ จะพูดอะไร คล้ายๆกัน กับ อีก 5 – 6 ประโยคที่เหลือ มันก็จะค่อยๆ พัฒนาได้เอง

จริงๆอย่างน้อยควรรู้ พวก Wh-Quesions

  • What อะไร
  • Where ที่ไหน
  • When เมื่อไหร่
  • Why ทำไม
  • How อย่างไร
  • Which อันไหน
  • Who ใคร
  • Whom ใครที่เป็นกรรม
  • Whose ของใคร

ตัวอย่าง ประโยคคำถามภาษาอังกฤษ 5 ประโยค

  1. What is your name? – ฝึกการใช้ Wh-Question แต่งประโยค ว่า อะไร…
  2. How was your trip to Phuket? – ฝึกการตั้งคำถาม ว่า …อย่างไร
  3. Which one do you like? – ฝึกตั้งคำถาม ว่า …อันไหน
  4. Do you want some pizza? – ฝึกตั้งคำถามจากประโยคบอกเล่า
  5. Are you crazy? – ฝึกตั้งคำถามจากประโยคบอกเล่า

ใครอยากเรียนต่อ เจาะลึกการตั้งประโยคคำถาม อ่านต่อที่นี่
**เค้าสอนดีนะคะ เค้าสอนด้วยว่าการตั้งคำถาม ไม่ได้สักแต่ถาม เอาข้อมูล แต่มันมีวิธีการถามให้ดูสุภาพด้วย

เช่น How do you get to the airport? แปลว่า มาแอร์พอร์ทยังไงอ่ะ

เป็นไงคะ ฟังดูแย่มะ เหมือนถามแบบสอบสวน แต่ ถ้าเราจะทำให้มันดู เฟรนลี่ขึ้น เราควรเพิ่มว่า
Could you please tell me
how do you get to the airport? แปลว่า คุณช่วยบอกผมหน่อยได้ไหม ว่าคุณมาแอร์พอร์ทยังไง
โอ้โห โทนมันต่างกันนะคะ จะฝึกพูดภาษาอังกฤษทั้งที ก็ฝึกไปแบบสุภาพๆ ดีกว่าค่ะ**

7. ฝึกพูดปฏิเสธภาษาอังกฤษ จะ พูดยังไง

ฝึกพูดปฏิเสธภาษาอังกฤษ

เมื่อ ฝึกพูดประโยคคำถามภาษาอังกฤษไปแล้ว แน่นอนว่า เราก็ต้องฝึก พูดประโยคปฏิเสธ เป็น ภาษาอังกฤษ ให้ได้ด้วย

ประโยคปฏิเสธ ในที่นี่ ไม่ได้หมายความว่า เป็นการตอบปฏิเสธอย่างเดียว แต่ เป็นการกล่าวถึง สิ่งที่มันไม่ใช่แบบนั้น เป็นภาษาอังกฤษ ด้วย

เราควรจำ แกรมม่า ภาษาอังกฤษ ใน การแต่งประโยคปฏิเสธ ให้คร่าวๆว่า เวลาเราจะพูดปฏิเสธเนี่ย เค้าจะต้อง เอา Not ไปเติมไว้ตรงไหน ตอนไหน ควรตอบว่า No อันนี้คือหลักการ ซึ่งเราควรจะฝึก ผัน ประโยคบอกเล่า ให้เป็น ปฏิเสธ ให้ได้

ตัวอย่าง การเปลี่ยนประโยคบอกเล่า ไปเป็น ประโยคปฏิเสธ ภาษาอังกฤษ

  1. I am Japanese.
    I‘m not Japanese.
  2. That is the financial report.
    This isn’t the financial report.
  3. They are from China.
    They aren’t from China.
  4. He likes spicy food.
    He doesn’t like spicy food.
  5. I like pizza.
    I don’t like pizza.
  6. They will roll out the vaccination soon.
    They won’t roll out the vaccination yet.
  7. She can speak English very fluently.
    She can’t speak English that fluently.
  8. We are very productive today.
    We aren’t very productive today.
  9. I can make a presentation.
    I can’t make a presentation on time.
  10. CEO might join our meeting.
    CEO might not join our meeting.

** หมายเหตุ **

เวลา ฝึกพูดภาษาอังกฤษ รูปประโยคปฏิเสธ เราควรที่จะ ฝึกรูป ย่อ ของรูปประโยค เช่น

I do not like spicy food > ไอ ดู น๊อต ไลค์ สไปซี่ย์ ฟู้ด
แต่ให้ฝึกเป็น I don’t like spicy food. > ไอ ด้อท ไลค์ สไปซี่ย์ ฟู้ด  แทน

และ การพูด คำว่า Do Not ออกมา เป็นการเน้นว่า ไม่ชอบมากๆ แบบ ก.ไก่ล้านตัว **

อีกสิ่งหนึ่ง คือ เรื่อง วิธีการเลือกใช้คำในการพูด ว่าไม่ชอบสิ่งใด ในภาษาอังกฤษ

บุคคลที่อยากให้ นำเป็นตัวอย่าง นั่นก็คือ พี่ มาร์คควีน (Mark Wiens)
เป็น Youtuber แนะนำอาหารชื่อดังระดับโลก ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย กับ ครอบครัว เพราะ เค้ามี วิธีการพูด และ ทัศนคติ ในการพูด อธิบายสิ่งต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ ถึงแม้จะพูดถึงสิ่งที่ตนเอง ไม่ได้ปลื้ม หรือ ชอบนัก แต่ก็เลือกคำออกมาได้ สุภาพ

ตัวอย่าง พี่มาร์ค ตอน แนะนำอาหารที่ไม่อร่อย

  • แทนที่จะพูดว่า It is so bad dish. (อาหารจานนี้แย่มาก)
    พูดแทนว่า It actually has zero flavors. (อาหารจานนี้มีรสชาติเป็น 0)
  • แทนที่จะพูดว่า It is not good. (มันไม่ดีเลยอ่ะ)
    พูดแทนว่า It’s not bad. (มันก็ไม่ได้เลวร้าย)
  • แทนที่จะพูดว่า I don’t like this dish. (ฉันไม่ชอบจานนี้)
    พูดแทนว่า It is not my favorite dish. (จานนี้มันไม่ใช่จานโปรดของฉัน)

คือ มันคือทัศนคติ ที่เราใส่ลงไปด้วย เวลาเราพูด เราควรเลือกใช้ not + สิ่งที่เป็น Positive มากกว่า บอกว่าอันไหนมันแย่ ไปตรงๆ ถือเป็น ศิลปะในการพูดภาษาอังกฤษ อีกอย่างหนึ่งค่ะ

8. ฝึกพูด Magic Words ในภาษาอังกฤษ

พูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง

Magic Words ในภาษาอังกฤษ หมายถึง คำที่วิเศษเวลาใช้คำเหล่านี้แล้ว มักจะได้สิ่งที่ต้องการ ที่สังคมตะวันตก สั่งสอนกันมา ทั้งในครอบครัว ที่บ้าน โรงเรียน ปลูกฝัง เป็น ค่านิยม และ สิ่งที่พึงปฏิบัติ โดยเฉพาะคนที่ต้องการ ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับลูก หรือ เด็กเล็ก เราควรที่จะ ฝึก คำศัพท์เหล่านี้ไปด้วย เพื่อที่ จะได้พูดติดปาก จนติดเป็นนิสัย ซึ่งคำเหล่านี้ ก็คือ

ตัวอย่าง Magic Words ในภาษาอังกฤษ และ การใช้

  • Thank You ขอบคุณ
  • Sorry ขอโทษ
  • Excuse Me ขอโทษนะคะ/ขอโทษนะครับ
  • May I …? อื่ม ถ้าฉันจะ… ได้ไหม
  • Please ได้โปรด
  • Could you please …? ..ได้ไหม
  • Pardon ขอโทษด้วย

ตัวอย่างการใช้ Magic Word พูดภาษาอังกฤษใหั ฟังดูสุภาพขึ้น

  1. Please pass me a black pepper.
    ได้โปร ส่งพริกไทยดำ ให้หน่อยค่ะ/ครับ
  2. May I use your pen for a second?
    ขออนุญาติใช้ปากกาคุณสักแปปนึงได้ไหมคะ/ครับ
  3. Could you please park your car over there?
    ได้โปรด ไปจอดรถตรงนั้นได้ไหมคะ/ครับ
  4. Pardon, Could you say it again?
    ขอโทษนะคะ/ครับ คุณพูดใหม่อีกครั้งได้ไหมคะ/ครับ
  5. Excuse me, please.
    ขอโทษค่ะ/ครับ
  6. Sorry to interrupt.
    ขอโทษที่ขัดจังหวะ นะคะ/นะครับ
  7. Thank you for your help.
    ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ นะคะ/นะครับ

คำศัพท์เหล่านี้ จริงๆ เอาไว้สอนเด็ก แต่เราเป็นคนไทย บางครั้งอาจจะไม่ได้ถูกปลูกฝัง มาให้พูด คำศัพท์เหล่านี้ จนติดปาก ซึ่ง พอฝรั่งฟัง เวลาเราพูดขอความร่วมมือ หรือ ช่วยเหลืออะไร มันจะฟังดูห้วน ดูไม่เพราะ ไม่น่าฟัง ดังนั้น ถ้าไม่มีใครสอนเราตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เป็นไร สอนตัวเองได้

เวลาเรา ฝึกพูดภาษาอังกฤษ อย่าลืมฝึกพ่วง คำสร้อย คำวลีเหล่านี้ไปด้วย เพื่อที่เราจะได้ พูดภาษาอังกฤษ ได้อย่างสุภาพ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะคนที่จะ ต้องใช้ภาษาในการ ติดต่อสื่อสาร กับ ลูกค้าต่างชาติ คำเหล่านี้ควรรู้ไว้ และ ใช้ให้ติดปาก ค่ะ

9. จำแสลง และ วลีสั้นๆ (Phrase) ที่ ฝรั่งใช้ ในสถานการณ์ต่างๆ

การจำวลี หรือ ประโยคแสลงสั้นๆ ใน ชีวิตประจำวันต่างๆ จะช่วยให้เรา เข้าใจภาษอังกฤษ ได้ดียิ่งยึ้น และ พอเราจำได้ ก็ควร ที่ ลองนำมา ฝึกใช้ ฝึกพูด รวมอยู่ใน บทเรียน การฝึกพูดภาษาอังกฤษ ของเราด้วย

เพื่อที่เราจะได้ พูดอธิบายในสิ่งต่างๆ ได้อย่างธรรมชาติ มากยิ่งขึ้น

ซึ่งวลีเหล่านี้ มักจะเป็น วลีในภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อย ใช้แล้วใช้อีก ใช้ได้ในหลายๆ สถาณการณ์ ค่ะ

ตัวอย่าง วลีภาษาอังกฤษ ในชีวิตประจำวัน

  1. Hi, How are you today?
    สวัสดี สบายดีไหมคะ วันนี้
  2. How are you today?
    วันนี้เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมคะ
  3. Have a nice day./Have a good one.
    ขอให้เป็นวันที่ดีนะ ขอให้เป็นวันที่ดี
  4. I haven’t seen you for so many days.
    ฉันไม่เจอคุณมาตั้งหลายวัน
  5. Take care.
    ดูแลตัวเองด้วย นะ
  6. Great to talk to you.
    ดีจัง ที่วันนี้ได้คุยกับคุณ
  7. Sorry, What did you say?
    ขอโทษนะ เมื่อกี้ พูดว่าอะไรนะ
  8. Oh, I got it.
    อ้อ เข้าใจละ
  9. I got to go.
    เดี๋ยวไปก่อนนะ
  10. Just a moment, please.
    เดี๋ยวรอแปปนึง นะคะ

ตัวอย่าง วลีภาษาอังกฤษ คุยกับเพื่อน

  1. Enjoy yourself.
    อ้อ ตามสบายเลยค่ะ
  2. Please take your time.
    ค่อยๆ ก็ได้ค่ะ ใจเย็นๆ
  3. It’s alright. Don’t worry.
    ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง
  4. I’m happy for you.
    เห้ย ฉันดีใจด้วยนะ
  5. Can’t wait to see you.
    โอ๊ย รอเจอคุณไม่ไหวแล้ว
  6. That’s great news.
    เป็นข่าวที่ดีมาก
  7. Thank you. That helps a lot.
    ขอบคุณค่ะ ช่วยได้เยอะเลย
  8. What do you mean?
    คุณหมายความว่ายังไง นะคะ
  9. How do you feel?
    คุณรู้สึกอย่างไร
  10. I hope you feel better soon.
    ฉันขอให้คุณรู้สึกดีขึ้นเร็วๆนะ

ตัวอย่าง วลีภาษาอังกฤษ ในการชม และ ขอร้อง

  1. It’s lovely.
    โอ้ยย น่ารักกก
  2. That’s great.
    เออดีเลย เยี่ยม
  3. It is amazingly good.
    มันดีสุดๆ อ่ะ
  4. It’s awesome.
    มันเจ๋งมาก
  5. Wonderful
    คือดีย์ จริงๆนะ
  6. Is it okay if I …
    โอเคไหม ถ้าฉันจะ …
  7. Would you mind …
    จะเป็นอะไรไหมถ้า …
  8. May I get …
    ฉันขอ… ได้ไหม
  9. I prefer …
    ฉันชอบ..มากกว่า
  10. Is it possible if I would like to…
    ถ้าเป็นไปได้ คุณโอเคไหม ที่จะ …

10. ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ด้วย ประโยค เปรียบเทียบ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับเพื่อน

หนึ่งในการ ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้ดีขึ้น คือ เราต้องรู้จักคือ การฝึกพูดประโยคเปรียบเทียบ เป็น ภาษาอังกฤษ ให้ได้ ซึ่ง

ประโยคเปรียบเทียบในภาษาอังกฤษ จะเปรียบเทียบอยู่ 2 อย่างคือ

  1. อะไร มากกว่า / น้อยกว่า อะไร (Comparative)
  2. อะไร มากที่สุด / น้อยที่สุด (Superlative)

ซึ่ง ตรงนี้ เราจะต้องจำ วิธีการผัน คำศัพท์ รูปเปรียบเทียบให้ได้ ว่าต้องผันยังไง ของ ขั้นกว่า และ ขั้นสุด

ยกตัวอย่าง คำศัพท์ ธรรมดา > ขั้นกว่า > ขั้นสุด และ วิธีการใช้

  1. Large > Larger > Largest
    Do you have a large size bag.
    I would like to get it larger than this
    Here we are, This is the largest bag we have in the shop.
  2. BigBiggerBiggest
    I would like to get a big cola, please.
    I prefer to have a slightly bigger car than this one.
    This is the biggest concert festival in Thailand
  3. SweetSweeterSweetest
    Oh, you are so sweet.
    I think this cake should be a little bit sweeter than this.
    Oh, You are the sweetest girl I’ve ever met.
  4. HardHarderHardest
    It is so hard to pass this exam.
    Please try it harder.
    This is the hardest Mathematics test in my life.
  5. SmallSmaller > Smallest
    This phone is so small.
    I would like to have a smaller size, please.
    This is the smallest cat in the world.
  6. TastyTastierTestiest
    Oh, Thai food is so tasty.
    I think Krispy Kream is tastier than this donut.
    Oh, This Kapraw rice is the tastiest Kapraw rice I have ever eaten in my life.
  7. BusyBusier > Busiest
    I’m so busy this day.
    Oh, you will be busier and busier when you have a kid.
    This week is the busiest week ever.
  8. BeautifulMore Beautiful > Most Beautiful
    This dress is so beautiful.
    I think another dress is more beautiful.
    Phuket has one of the most beautiful beaches in Thailand.
  9. ExpensiveMore ExpensiveMost Expensive
    This bag is so expensive.
    Villa Market is usually more expensive than others.
    This car is the most expensive in the market.
  10. Interesting > More Interesting > Most interesting
    This movie is interesting.
    That movie is more interesting.
    I think any kind of Thai drama is the most interesting.
  11. MuchMore > Most
    I love you so much.
    I love you more than anything.
    I love you the most out of anything.
  12. Good > Better > Best
    This book is so good.
    iPhone 12 is better than iPhone 6.
    iPhone is the best.
  13. Bad > Worse > Worst
    The weather is so bad.
    It can get worse if you don’t do anything about it.
    Cheating people is one of the worst.
  14. FarFurther > Furthest
    Hua Hin is far.
    Chumporn is further than Hua Hin.
    Phuket is the furthest from here.

11. ฝึกพูดเลข ภาษาอังกฤษ ให้ คล่องๆ

ฝึกนับเลขภาษาอังกฤษ

เราควรฝึกนับเลขให้คล่อง และ ทำความเข้าใจว่าเลขไหนนับยังไง ซึ่่ง ควรเอาให้แม่น ตั้งแต่ 1 – 100 และ ลองฝึกพูดตัวเลข ให้คล่องๆ เห็นปุ๊บ ต้องพูดได้ปั๊บ เลย ถ้าทำได้แบบนั้น แสดงว่า นับเลขภาษาอังกฤษ ได้คล่องแล้ว จากนั้น ให้ฝึก นับเลข หลักพัน 1,000 หลักหมื่่น 10,000 หลักแสน 100,000 ให้คล่องๆ

หลักการนับเลขภาษาอังกฤษ แบบ เศรษฐี

10 Ten
100 Hundred
1,000 Thousand
10,000 Ten Thousand
100,000 Hundred Thousand
1,000,000 One Million (มีเลขศูนย์ 6 ตัว)
10,000,000 Ten Million
100,000,000 One Hundred Million
1,000,000,000 One Billion (มีเลขศูนย์ 9 ตัว)
10,000,000,000 Ten Billion
100,000,000,000 One Hundred Billion
1,000,000,000,000 One Trillion (มีเลขศูนย์12 ตัว)
10,000,000,000,000 Ten Trillion
100,000,000,000,000 One Hundred Trillion
1,000,000,000,000,000 One Quadrillion (มีเลขศูนย์ 15ตัว)

และ มีต่ออีกนะคะ น้องๆสามารถไปหาคำตอบกันได้

12. เขียนบทแนะนำตัวง่ายๆ และ ฝึกพูด ในห้องน้ำ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ในห้องน้ำ

เป็นที่เชื่อกันว่า ใครที่ชอบ ฝึกพูดภาษาในห้องน้ำ พูดเอง คนเดียว จะทำให้มีโอกาส พูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น เก่งขึ้น ซึ่งจาก ประสบการณ์ ฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ของพี่ มองย้อนไป ก็คือ พี่ทำจริงๆ ซึ่งตอนนั้น เป็นการ ฝึกพูดแนะนำตัวหน้าห้องเรียน  วิธีฝึกก็ง่ายๆเลย คือ เราเขียนบท แนะนำตัวเอง ว่าฉันเป็นใคร ทำอะไรอยู่ ตอนนี้เรียนที่ไหน แล้วก็ท่องจำ ประโยคให้ขึ้นใจ แล้ว ก็ฝึกพูดระหว่างที่อาบน้ำ ไปด้วย

สาเหตุ น่าจะช่วยทำให้เราจำได้คือ เราอาบน้ำไปพูดไป มัน Relax ไม่เครียด ผ่อนคลาย น่าจะทำให้ ใครที่ฝึกพูดภาษาอังกฤษในห้องน้ำ แบบนี้ มีโอกาสจำได้ง่ายขึ้น ก็เป็นได้ค่ะ

13. ฝึกฟังภาษาอังกฤษ และ พูดตาม

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ จากการฟัง

การพูด กับ การฟัง ค่อนข้างสัมพันธ์กัน ถ้าฟังไม่ได้ ก็มักจะพูดไม่ได้ ดังนั้น พยายามฟัง แล้ว จับให้ได้ว่าเค้าพูดอะไร ในการฟัง แล้วก็พูดตาม ซึ่งปัญหาที่ทำให้ คนฟังไม่รู้เรื่อง

ส่วนใหญ่ จะเกิดเพราะ ไม่รู้คำศัพท์ มากกว่า ไม่รู้การเรียงประโยค เพราะ พอได้ยินคำศัพท์มา นึกไม่ออกเลยว่ามันคืออะไร ถ้าคิดว่าตัวเอง เกิดปัญหาเหล่านี้อยู่ ให้ลองหันไป ท่องศัพท์ ให้มากขึ้น โดยพยายาม แบ่งกลุ่มเป็น หมวดหมู่ ในการท่อง เพื่อจะได้ จำได้เร็วขึ้น

วิธีในการท่องศัพท์ ให้จำได้ไวขึ้นคือ จำคู่กัน

Big คู่กับ Small
Relevant คู่กับ Irrelevant
Sweet คู่กับ  Bitter
North คู่กับ  South
East คู่กับ  West
Much คู่กับ  Less

หรือ ให้จำ ด้วย รากศัพท์ เพราะจะทำให้เราเข้าใจ ได้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
Prefix Suffix ต่างๆ

14. เมื่อได้ยินประโยคใหม่ๆ ให้จด แล้ว ฝึกพูดประโยคนั้นซ้ำๆ จนเคยปาก

ถ้าไม่เคยได้ยินประโยคไหนมาก่อน แล้วได้ยินแล้วไม่เข้าใจ ก็ควรที่จะจด แล้ว ฝึกพูดประโยคนั้นจนคุ้นปาก พูดซ้ำๆ ประโยค เดิมไป ให้ครบ 100 รอบ นับไปเลย จะช่วยทำให้จำได้เร็ว มากขึ้น

15. ฝึกพูดภาษาอังกฤษ กับ คนจริงๆ

ถ้ามีโอกาส น้องๆควรฝึกพูดกับคน จริงๆ ไม่ว่าจะช่องทางออนไลน์ หรือ เจอตัวต่อตัว เพราะถ้าเราเรียนจากบทเรียนแล้ว แต่ไม่ได้ใช้ เลย ก็จะทำให้ ลืมประโยคเหล่านั้นได้ง่ายๆ

16. อย่าลืม ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ทางโทรศัพท์ ด้วย

บทสนทนาทางโทรศัพท์ ภาษาอังกฤษ

บทสนทนาภาษาอังกฤษ ทางโทรศัพท์ เป็นสิ่งที่ควรฝึก เวลาพูดภาษาอังกฤษ เพราะจะได้ใช้แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • การโทรไปจองโต๊ะอาหาร
  • โทรติดต่อสถานที่ต่างๆ
  • โทรจองโรงแรม
  • โทรแจ้งความกับตำรวจ
  • โทรหาเพื่อน

รับสายโทรศัพท์ ภาษาอังกฤษ จะพูดว่าอะไร จะโอนสายโทรศัพท์ จะบอกว่าอย่างไร เป็นต้น

ตัวอย่าง บทสนทนาภาษาอังกฤษ ทางโทรศัพท์ เอาเอาไปฝึก

Hello
สวัสดีค่ะ
Good morning. Are you miss Suriya?
สวัสดีตอนเช้าค่ะ ใช่คุณ สุริยา รึเปล่าคะ
Yep, Suriya speaking. Who is calling from?
ใช่ค่ะ สุริยา พูดค่ะ โทรมาจากไหนคะ
I’m calling from ABC Dental clinic to ask for confirmation of your appointment with Dr.Ray tomorrow morning at 9.30 am.
ดิฉันโทรมาจาก คลีนิค ทำฟัน ABC ค่ะ จะโทรมา เพื่อยืนยันการนัดหมายกับคุณหมอเรย์ พรุ่งนี้เช้า เวลา 9.30 น.
Okay, I confirm.
โอเคค่ะ ตกลงค่ะ
Thank you so much for your time. Have a good day.
ขอบคุณมากสำหรับเวลา นะคะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของคุณค่ะ
You too. Have a good one.
คุณก็เช่นกันนะคะ ขอให้เป็นวันที่ดีนะคะ

17. ฝึกพูดสั่งอาหาร เป็นภาษาอังกฤษ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ในร้านอาหาร

ลองฝึกพูดสั่งอาหาร เป็นภาษาอังกฤษ ดู ให้ลองฝึก ทั้ง บทพนักงานรับออเดอร์ กับ บทลูกค้า สั่งอาหาร สลับกันไปมา

ตัวอย่าง บทสนทนาในร้านอาหาร (พนักงาน-ลูกค้า)

Good morning, A table for 4 people, please.
Good morning sir, I will check a table for you. Um In this moment, the table is full.
May I have your name and your telephone number to put on the waiting list.
Okay. And how long will I get the table?
It is approximately 20 – 30 mins. You can go for a walk. Once we get the table for you, we can call you.
Oh great. Thank you.

18. ฝึกพูดทักทาย ถามสภาพดินฟ้า อากาศ อะไรที่มันไร้สาระ บ้าง

อย่ามัวแต่ฝึก แต่ในตำรา ควรฝึกภาษาอังกฤษ เรื่องอื่นๆด้วย เพราะจะช่วยทำให้ไม่น่าเบื่อ และ มีสีสันมากขึ้น และ ขยายขอบเขต ความรู้ ความสนใจของตัวเอง ด้วย ให้ฟังเรื่องที่สนใจ ซึ่งวันนี้ จะมาแนะนำ ช่อง ยูทูป ภาษาอังกฤษ ที่พูดเรื่องๆ หนึ่ง ในเวลานาน 1 ชั่วโมง และ มีหัวข้อที่น่าสนใจหลายเรื่อง

10 ช่องยูทูป และ Podcast น่าฟัง และ น่าสนใจ เป็นภาษาอังกฤษ

  1. Joe Rogan: พูดหลากหลายหัวข้อ เชิญแขกรับเชิญต่างๆ มาในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น นักบินอวกาศ นักจิตวิทยา นักกีฬาชื่อดัง นักวิทยาศาตร์ ในศาสตร์ต่างๆ จะได้ความรู้ ไอเดีย ต่างๆ เปิดโลกในมุมต่างๆ ค่ะ
    ฟังPodcast JoeRogan ได้ที่นี่
  2. Ted: เชิญนักพูดมาพูด ในหัวข้อที่น่าสนใจ เปิดประเด็นต่างๆ ให้เราได้เห็นมุมใหม่ๆ เป็นการพูดในเวทีเล็กๆ มีหลากหลายเรื่องที่น่าสนใจ และ น่าคิดตาม
    ฟังPodcast Ted ได้ที่นี่
  3. Motivation Madness: เป็นวีดีโอ ที่สัมภาษณ์คนดัง เป็นภาษาอังกฤษ เนื้อหา เป็นแนวสร้างกำลังใจ เพิ่มพลังในการทำงาน
    ฟังPodcast Motivation Madness ได้ที่นี่
  4. Ted Ed: เป็นวีดีโอสั้นๆ เน้นความรู้ สอนความรู้ที่น่าสนใจ ในหลายๆ เรื่อง ดูง่าย สนุก
    ฟังPodcast Ted Ed ได้ที่นี่
  5. Jason Fung: เป็นคุณหมอ ที่ให้ความรู้ค่อนข้างลึกซึ้ง กับสุขภาพ เกี่ยวกับ โรคต่างๆ ค้นหาแนวทางในการใช้ชีวิต ให้ปราศจากโลก ตามหลักวิทยาศาสตร์ แบบมีเหตุ และผล
    ฟังPodcast Jason Fung ได้ที่นี่
  6. Jordan B Peterson: ท่านนี้เป็น นักจิตวิทยาคลีนิค เป็นอาจารย์ นักเขียน และ วิทยากร ด้วย มักจะมาพูด เกี่ยวกับ การคิด บุคลิกภาพ จิตวิทยาเบื้องลึก ว่า คนที่มีปัญหาในชีวิต ทางจิตใจ ทำไมเค้าถึงคิดแบบนี้ พลอยเป็นแฟน อาจารย์ท่านนี้เลยค่ะ ขอแนะนำ
    ฟังPodcast Jordan B Peterson ได้ที่นี่
  7. Dr. Eric Berg DC: เป็นคุณหมอ มาสอนสนุกภาพใน ยูทูปเช่นกัน พูดชัด มีภาพประกอบ วีดีโอไม่ยาวนัก หยิบยก แนวความคิด เรื่องการ Intermitted Fasting และ การดูแล สุขภาพด้านอื่นๆด้วยค่ะ สำเนียงคุณหมอ ฟังง่ายมาก
    ฟังPodcast Dr. Eric Berg DC ได้ที่นี่
  8. MasterChef World: รายการแข่งอาหารที่มี หลากหลายชาติ ให้เลือกดู ทั้งฝั่ง อเมริกา แคนนาดา ที่จัดทำรายการเป็นภาษาอังกฤษ
    ฟังPodcast MasterChef Worldได้ที่นี่
  9. Wait Wait Don’t tell me in NPR: มีหลากหลายหัวข้อ และสิ่งที่น่าสนในใจ เป็นองกรณ์การกุศล
    ฟังPodcast Wait Wait Don’t tell me in NPRได้ที่นี่
  10. GaryVee: เป็นการพูดคุยหลากหลายเรื่อง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่อง ธุรกิจ การสร้างตัว รวมไปถึง สไตล์การใช้ชีวิต ของผู้หญิง และ ผู้ชาย มีหลากหลายหัวข้อ ให้ฟังอย่างเพลิดเพลิน
    ฟังPodcast GaryVee ได้ที่นี่

20. ฝึกพูดภาษาอังกฤษ กับชาวต่างชาติ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ กับ แฟนต่างชาติ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ บ่อยๆ จะช่วยให้สามารถพูด ภาษาอังกฤษ ได้เร็วขึ้น ซึ่ง จะเป็นชาติอะไรก็ได้

การที่เราต้องพูดภาษาอังกฤษ กับ เพื่อนต่างชาติ เจ้านายต่างชาติ หรือ แฟนต่างชาติ ในทุกๆวัน จะทำให้เรามั่นใจมากขึ้น ใน ภาษาอังกฤษ ของเรา จริงๆแล้ว การฝึกพูดภาษาอังกฤษ แบบฟรีๆ เลย ก็คือ มีแฟน หรือ มีเพื่อน เป็นชาวต่างชาติ นี่แหละค่ะ และ เราก็ สามารถหาเว็บไซต์ เพื่อนต่างชาติ ออนไลน์ เพื่อพัฒนาภาษาได้

แต่ ถ้าใครที่ไม่อยาก สร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ เพียงเพราะต้องการพูดภาษาอังกฤษ ก็แนะนำให้ไปทำงาน ค่ะ ทำงานที่ต้องใช้ภาษา มากกว่าค่ะ

19. ฝึก พูดทุกๆวัน เริ่มจากประโยคสั้นๆ

ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้เก่งๆ

การที่เราฝึกพูดทุกวัน ประโยคสั้นๆ ค่อยพูด แบบเป็นธรรมชาติ จะช่วยให้เรา พัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ได้ดียิ่งขึ้น และ ถ้าเป็นไปได้ ควรพาตัวเอง หรือ หาโอกาส ไปอยู่ในที่ๆ จะต้องใช้ ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ให้มากๆ

ตัวอย่าง งาน จะมีโอกาส ให้ได้ฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น

  • ไป Work and Travel ที่ต่างประเทศ
  • ไปทำงาน Part Time ให้กับบริษัทต่างชาติ
  • ไปเป็นอาสาสมัคร องกรณ์ต่างชาติ
  • ไปฝึกพูด กับ โครงการ Toast Master