วิธีการ เตรียมตัวสมัครแอร์ เตรียมตัวสมัครสจ๊วต เบื้องต้น สำหรับ มือใหม่ ก็คงต้องเริ่มต้นถามก่อนว่า สนใจจะสมัครสายการบินไหน เพราะแต่ละสายการบินนั้น มี ขั้นตอนการ สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย

ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัตแอร์ คุณสมบัติสจ๊วต ทั้งในเรื่องของ ส่วนสูง อายุ ของผู้เข้าสมัคร ของแต่ละสายการบินก็แตกต่างกันออกไปด้วย

ซึ่งวันนี้ เราจะ มาบอก 4 ขั้นตอน ในการเตรียมตัว เตรียมความพร้อม สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ตั้งแต่เริ่มต้น กัน

4 ขั้นตอน เตรียมตัวสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต

STEP 1. เลือกสายการบินที่ชอบ

STEP 2. ตรวจเช็ค คุณสมบัติแอร์โฮสเตส สจ๊วต

STEP 3. เตรียม เอกสารสมัครแอร์

STEP 4. เตรียมชุดสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต

รับรองว่า ถ้าน้องๆ ที่เพิ่ง ตัดสินใจ สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต แบบ ไม่ทันตั้งตัว แล้วไม่รู้จะทำยังไงดี สามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ได้ เป็น คู่มือการสมัครแอร์ สจ๊วต แบบ เร่งรัด ค่ะ

วิธีการเลือกสายการบิน ใน การสมัครแอร์ ของพลอย พลอยเลือกจาก

• สายการบินที่ เราอยากทำงานด้วย
• สายการบินที่ ปลอดภัย ไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงมาก่อน
• สายการบินที่มี วัฒนธรรมองค์กร ที่ดี
• สายการบินที่ ให้เงินเดือน ค่าตอบแทน สวัสดิการ ดี
• สายการบินที่ มีรูทบินรอบโลก
• สายการบินที่ เบส ต่างประเทศ
  (เพราะว่า อยากลองไปทำงานต่างประเทศดู)

**เลือกสายการบินที่ เบส (Base)**

อีกอย่างหนึ่ง ที่อยากให้ หลายๆคน พิจารณา ก่อนตัดสินใจสมัคร นั่นก็คือ เบส (base)ของสายการบินนะคะ

เพราะถ้าเป็น เบส นอกประเทศไทย อย่าง สายการบินแขก เช่น กาตาร์ เอมิเรตส์ โอมาน หรือ สายการบินเอเชีย อย่าง สิงคโปร์

เราจะต้อง ศึกษาหาข้อมูลก่อนว่า เราโอเคไหม ที่จะ จากบ้านไปนานๆ ไม่ค่อยได้เจอเพื่อนๆ ครอบครัว หรือ แฟน ที่ประเทศไทย

สำหรับบางสายการบิน อย่าง เจล (JAL : Japan Airlines) / เอเอ็นเอ (ANA: All Nippon Airways) / โคเรียนแอร์ (Korean Air) / เอเชียน่า (Asiana)

สายการบินเหล่านี้จะ เบสที่ประเทศไทย นะคะ แต่เราต้องบินออกนอกประเทศไปทำงาน เป็น Pattern ของตารางบินแต่ละเดือนๆ

ทำไมถึงเลือกสายการบินแขก ไม่เลือก สายการบินไทย

เพราะว่า สายการบินแขก มารับ ลูกเรือไทย บ่อย ทั้งผู้หญิง และ ผู้ชาย เปิดโอกาสให้กับทุกคน เพียงแค่ มีคุณสมบัติ พร้อม ส่งใบสมัครออนไลน์ ไปเลยค่ะ เดี๋ยวคุณก็ได้รับ อีเมล ตอบกลับมาให้ไปสัมภาษณ์ เป็น  ขั้นตอน Process การสมัครที่ รวดเร็วทันใจ ได้เป็นแอร์ สจ๊วต ในระยะเวลาอันสั้น

ส่วน การสมัครแอร์/สจ๊วต สายการบินไทย หรือ สายการบินในประเทศไทย อื่นๆ นั้น ไม่ได้มาเปิดรับบ่อยๆ บางที 1 ปี มีมาเปิดรับสมัคร 2 ครั้ง ซึ่งเราไม่รู้ว่า เค้าจะเปิดรับเมื่อไหร่ ยังไง ไม่มีใครทราบ ได้ต่อรอ รอ รอ แต่สำหรับ สายการบินแขก อย่าง กาตาร์แอร์เวย์ หรือ เอมิเรตส์ นั้น จะประกาศในหน้าเว็บไซต์ ล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เลยว่า จะมาเปิดรับที่เมืองไหน ประเทศอะไรบ้าง ซึ่งเราก็ ต้องคอย ติดตามข่าวสารการสมัครแอร์ – สจ๊วต ดูว่า จะมาเปิดรับสมัครลูกเรือ รอบ Bangkok เมื่อไหร่ ก็ ให้รีบสมัครออนไลน์ไว้เลย

อ่านต่อ กว่าจะได้มาเป็น แอร์แขก

การวอร์คอิน (Walk-in) สมัครแอร์-สจ๊วต ต่างประเทศ

คำว่า วอร์คอินต่างประเทศ คือ การเดินทางไปสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ตามประเทศต่างๆ นอกเมืองไทย

ยกตัวอย่างเช่น สายการบิน Qatar Airways
มีมาเปิดรับสมัคร ลูกเรือ รอบ Open Day ที่ประเทศมาเลเซีย เราถึงแม้ว่าจะเป็นคนไทย ก็สามารถไปสัมภาษณ์ ที่ประเทศ มาเลเซีย ได้ ซึ่ง เรามักจะทำการ วอร์คอิน ต่างประเทศ กัน ก็ต่อเมื่อ พลาดการไปสัมภาษณ์ลูกเรือ ที่ไทย หรือ สายการบินยังไม่มีมาเปิดในจังหวะที่เราจะสมัคร หรือ อยากเพิ่มโอกาส ให้ตัวเอง

ข้อดี – ข้อเสีย ของการไป วอร์คอินต่างประเทศ

ข้อดี ของการไปวอร์คอิน ต่างประเทศ คือ
เราจะเด่น และ มีผู้เข้าสมัครน้อยกว่าประเทศไทย มากๆ  โดยเฉพาะ คนที่ไปวอร์คอิน ในประเทศฝั่งยุโรป ออสเตเลีย บางที่ อาจจะมีผู้เข้าสมัคร ไม่เกิน100 คนด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามาสมัครที่ไทย อาจจะ 1,000 กว่าคน

เราจะเป็นเอเชีย หนึ่งเดียว หัวดำ ท่ามกลางหัวทอง กรรมการ อาจจะเห็นความมุมานะ ของเรา อาจจะให้ความสนใจเราเป็นพิเศษ (แต่ไม่ได้การันตีว่าจะได้นะจ๊ะ) เป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง

ข้อเสีย ของการไปวอร์คอิน ต่างประเทศ คือ
เราจะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการเดินทางเอง ทั้ง ค่าเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่ากิน ไม่ได้การันตีว่าจะได้งาน และ บางครั้ง เราอาจจะต้องฝึกพูดภาษาอังกฤษ ให้แข็งๆ เพื่อที่จะไปแข่งกับ เจ้าของภาษานั้นๆ

** สำหรับ ผู้เข้าสมัคร เอมิเรตส์ (Emirates) ถ้าได้ไปสัมภาษณ์แล้ว ไม่ผ่าน จะต้องรอสัมภาษณ์รอบต่อไป อีก 6 เดือน ถึงจะไปสมัครใหม่ได้นะคะ **

ขั้นตอน สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ต่อมาคือ ดู คุณสมบัติเบื้องต้นที่สายการบินต้องการ Airline Requirement

หลังจากที่เรารู้แล้วว่า เราจะสมัครสายการบินอะไร เราก็ต้องเช็คก่อนว่า สายการบินนั้นๆ มี คุณสมบัติเบื้องต้น อะไรบ้าง ในการสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ในรอบนั้นๆ เช่น เรื่องอายุ เรื่องส่วนสูง เรื่องเพศ(บางรอบรับแต่ผู้หญิง Female Only)

คุณสมบัติหลักๆ ที่สายการบินต้องการ คือ

1. อายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี
2. มีส่วนสูงถึง สำหรับผู้หญิง 160 cm. ขึ้นไป
   สำหรับผู้ชาย  170 cm. ขึ้นไป
   (บางสายการบิน ต้องเอื้อมแตะ(เขย่งได้)ถึง 212 cm. ด้วย)
3.  ใบจบการศึกษาขั้นต่ำ ม.ปลาย หรือ วุฒิการศึกษาสูงกว่าได้ โดยไม่จำกัดว่า จะต้องจำสาขาไหน หรือ คณะอะไร ก็สามารถสมัครแอร์-สจ๊วต ได้ค่ะ
4. มีสุขภาพกาย และ จิตใจ ที่แข็งแรง
5. มีทัศนคติ (Attitude) และ มีใจรักในงานบริการ
6. มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ
   (บางสายการบิน ถ้าพูดภาษาที่ 3 ได้ จะได้เปรียบ)

เพิ่มเติม 
ถ้าสมัครแอร์แขก สจ๊วตสายแขก อาจจะเพิ่มมาตรง เต็มใจที่จะย้ายไปทำงาน เบส(Base) ยังเมืองนั้นๆ ก็คือย้ายไปทำงานกับประเทศของสายการบินนั่นแหละค่ะ

สำหรับใครอยากรู้ คุณสมบัติแอร์ และ กฏต่างๆ ในการสมัคร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

เอกสารสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต จะต้องเตรียมตั้งแต่ ก่อนสมัครออนไลน์ เลยนะคะ เพราะเราจะต้อง เอาเอกสารบางส่วน แนบ หรือ Attach File ไปด้วย ในขณะที่กรอกข้อมูลออนไลน์

เอกสาร และ สิ่งที่ต้องเตรียม ใน การสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต มีดังนี้

• เรซูเม่สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต

• รูปถ่าย สมัครแอร์ จะเอา 2 ขนาด คือรูปถ่ายเต็มตัว และ ขนาดครึ่งตัว หรือ ไซส์พาสปอร์ต

• พาสปอร์ต (บางสายจะเอาบัตรประชาชนด้วยนะคะ)

• ใบTranscript จบการศึกษาสูงสุง (เอาไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ)

• ใบคะแนน TOEIC

• ใบประกาศนียบัตรต่างๆ ที่เราอยากยื่นกับสายการบิน เช่น ใบประกาศเกี่ยวกับภาษาที่ 3 / ใบฝึกงาน

มาอธิบายอย่างละเอียด เกี่ยวกับ เอกสารสมัครแอร์ สมัครสจ๊วตนะคะ

สำหรับ Resume สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ถ้าน้องๆต้องการ ทำ เรซูเม่ เอง แนะนำให้อ่าน วิธีการทำเรซูเม่สมัครแอร์-สจ๊วตแบบละเอียดๆ ที่นี่ ซึ่งต้องพึง ระลึก อยู่เสมอในใจว่า เรซูเม่ สมัครแอร์ นั้นสำคัญมาก เป็นตัวบอกว่า เราจะได้รับ จดหมายเชิญ ให้ไปสัมภาษณ์งาน หรือ ไม่ได้รับ และ เวลาเขียน เรซูเม่สมัครแอร์  จะต้องเขียนให้ Friendly กับ ระบบ ATS ด้วย เพราะว่า สายการบิน นั้น มีผู้ต้องการสมัครเข้าไปเป็น แอร์ สจ๊วต แต่ละรอบๆ แต่ละรอบ ใช้ ระบบ ATS (Applicant Tracking System) เป็นระบบที่เอาใช้ คัดเรซูเม่ ของผู้เข้าสมัครด่านแรก

ปรึกษาให้ แอร์แขก ทำเรซูเม่ ให้ สำหรับสมัครแอร์ สมัครสจ๊วตโดยเฉพาะ 

Passport พาสปอร์ต เป็น เอกสาร ราชการ ใน การสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ที่สำคัญมากๆ ใครก็ตามที่ต้องการ ทำงานต่างประเทศ จำเป็นอย่างมากที่จะต้อง ทำ พาสปอร์ต ( Passport ) เตรียมไว้ ตั้งแต่เนิ่นๆ หรือ บางคนมีพาสปอร์ต แล้ว แต่ใกล้หมดอายุ อีก 6 เดือน แนะนำให้ทำเล่มใหม่ เตรียมไว้เลยค่ะ เพราะ หุนหัน พลันแล่น เกิดสมัครแล้ว ได้เป็นแอร์เลยตั้งแต่รอบแรก ก็จะได้ไม่ติดขัดด้านเอกสาร ใน การขอวีซ่า ขอ Work Permit ในการเข้าประเทศ ของสายการบินนั้นๆ นะคะ

ไม่ว่าน้องจะเตรียมตัว สมัครแอร์ สจ๊วต กับ สายการบินภายในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ก็ต่าง ยังไงก็ต้องใช้ พาสปอร์ต แต่สำหรับ สายการบินต่างประเทศ นั้นจะจำเป็น และ เร่งด่วนกว่า เพราะน้อง ต้องบินไปต่างประเทศ เพื่อไป เทรนนิ่ง ที่เบส ของสายการบิน หรือ จะมีบางสายการบินเท่านนั้น ที่มี เทรนนิ่ง เซ็นเตอร์ ในประเทศไทย ก็อาจจะพอมีเวลาอยู่

การทำ Passport เตรียมตัวไป ทำงานต่างประเทศ

มีให้เลือก 2 ชนิด คือ พาสปอร์ต แบบ 5 ปี กับ แบบ 10 ปี

• พาสปอร์ต แบบ 5 ปี: ราคา 1000 บาท
• พาสปอร์ต แบบ 10 ปี: (แบบใหม่ Update 2021)
  ราคา 1500 บาท
  แบบเร่งด่วน 3500 บาท

ใบทรานสคริป (Transcript) หรือ Education Certificate ใบรับรองจบการศึกษา สามารถใช้แทนกันได้ ใน การสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ซึ่งน้องๆ ควรจะขอให้ ทางสถาบัน ออก ใบทรานสคริป หรือ ใบประกาศนียบัตรรับรองการจบการศึกษา เป็นภาษาอังกฤษ ที่มีชื่อ นามสกุล ของน้องๆ เป็นภาษาอังกฤษ ระบุ อยู่

ข้อแตกต่างของ ใบทรานสคริป หรือ ใบประกาศรับรองการศึกษา คือ

ในใบทรานสคริป จะมีผลการเรียนของน้องๆ ระบุอยู่ แต่ ในใบประกาศนียบัตรรับรองจบการศึกษา จะเป็นเพียงใบ ที่ระบุชื่อน้อง และ ระบุว่า ได้ผ่านคอร์ส หรือ การศึกษาอะไรมา จะไม่มีรายละเอียดคะแนน

แล้วถ้าจบมานานแล้ว ไม่สะดวกกลับไปโรงเรียนให้ออกใบจบการศึกษาสูงสุด เป็นภาษาอังกฤษ จะทำยังไง

ก็ไม่ยากค่ะ น้องๆสามารถ เอาใบจบการศึกษาสูงสุดของตัวเอง ไปแปล เป็นภาษาอังกฤษ ได้ตามร้านแปล เอกสารต่างๆค่ะ

อ่านต่อวิธีการเขียน ประวัติการศึกษาในเรซูเม่

การมีผลคะแนนโทอิค ไว้เป็นสิ่งที่ดี สำหรับน้องๆกำลัง เตรียมตัวสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต เพราะหลายๆสายการบิน จะใช้ผลคะแนนโทอิคนี้แหละค่ะ ในการวัดความสามารถทางภาษาอังกฤษ ของน้องๆ โดยเฉพาะ สำหรับใครที่ต้องการสมัคร สายเอเชีย หรือ สายภายในประเทศ

ส่วนสายการบิน ทางตะวันออกกลาง (สายแขก) จะไม่ใช้ผลคะแนนโทอิค ในการรับสมัคร เพราะทางสายการบินจะเตรียม ข้อสอบวัดความรู้ทั่วไปภาษาอังกฤษ มาให้น้องๆได้ทำกัน ซึ่ง มักจะได้ทำในรอบที่ 2 หลังจากรอบแรก โดยข้อสอบจะมีทั้งแบบช้อยย์ และ แบบจับตัวเลือก มีการเขียนเรียงความสั้นๆ และ นอกจากนั้นมีการพูดอภิปราย หน้าห้องด้วย

สายการบินที่ไม่เอาคะแนนโทอิค คือ กาตาร์แอร์เวย์ โอมานแอร์ เอมิเรสต์ เอทิฮัท เป็นต้น

แต่สำหรับสายที่เอาคะแนนโทอิค จะเอาผลคะแนนที่เท่าไหร่นั้น ก็จะแตกต่างกันไปแต่ละสายการบินค่ะ

ถ้าจะเอาให้มั่นใจ ผ่านแน่ๆ คือ 750++  แบบนี้ผ่านทุกสายการบินแน่นอน

ดู รายละเอียด แต่ละสายการบิน ใช้คะแนน TOEIC โทอิค เท่าไหร่ ที่นี่ 

เอกสารเพิ่มเติมอื่นๆ ที่เรามีและต้องใบประกาศนียบัตรต่างๆ ก็สามารถที่จะยื่นได้ แต่ ในกรณีนี้เราจะ ทำการยื่น สมัครแอร์ ออนไลน์ หรือ แนบไฟล์ออนไลน์ นะคะ ในขั้นตอนที่เรา กำลังกรอกข้อมูล สมัครแอร์ออนไลน์เลย ใบประกาศเหล่านี้ สามารถเป็น ใบประกาศเกี่ยวกับ ผลสอบระดับวัดภาษาที่ 3 อย่าง ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี หรือ เอกสารการผ่านงาน ใบฝึกงานต่างๆ ที่เคยทำงานมาก่อน และ น้องๆ เห็นว่า จะมีประโยชน์ ช่วยให้โปรไฟล์ ตนเองดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ก็เต็มที่เลยค่ะ สามารถแนบเอกสารไปได้เลย ในขั้นตอนนี้

List ชุด สมัครแอร์ สมัครสจ๊วต ที่ต้องมี ก่อนวันไปสัมภาษณ์

• ชุดสูทสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต
• รองเท้าสมัครแอร์ สจ๊วต
• กระเป๋าไปสัมภาษณ์แอร์ สจ๊วต
• เครื่องประดับ (นาฬิกา/ต่างหู/เข็มขัด)

ซึ่ง ของผู้หญิง กับ ผู้ชาย อาจจะมีความแตกต่างกันเล็กน้อยๆ ้น้องๆ สามารถอ่าน รายละเอียดได้เพิ่มที่นี่ 

• ขั้นตอนแรกสมัครออนไลน์

  เมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีการเปิดรับสมัครลูกเรือ ทางสายการบินจะมีการแจ้งผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเอง ซึ่งก็จะมีรายละเอียดต่างๆ ในการสมัคร ตั้งแต่ รอบที่เปิดรับสมัคร คุณสมบัติเบื้องต้น เอกสารการสมัคร รวมไปถึงช่องทางการสมัครออนไลน์ ซึ่งหลายๆครั้งๆ ถึงแม้จะเป็นรอบ Open Day เราก็จำเป็นที่จะต้อง กรอกใบสมัครออนไลน์ กับทางเว็บไซต์ ของสายการบินไว้ก่อน และ อย่าลืมเตรียม เอกสาร สมัครแอร์ สมัครจ๊วต ให้พร้อม อัพโหลด ในขณะที่ สมัครออนไลน์** สายการบินเอมิเรต์**
  จะต้อง สมัครออนไลน์ ไว้ล่วงหน้าเลย รีวิวสมัครแอร์เอมิเรตส์ ออนไลน์

• ขั้นตอน Drop CV หรือ พรีสกรีน สมัครแอร์วันแรก

  ขั้นตอนนี้ เป็น วันสัมภาษณ์วันแรก ที่เราจะได้เจอกับ กรรมการจากสายการบิน เรียกว่า เป็น การเจอกันครั้งแรก เป็นรอบที่ เราจะต้องสร้างความประทับใจ ตั้งแต่ครั้งแรก สิ่งที่ สำคัญที่สุด ในรอบนี้ คือ Fist Impression เราจะต้อง ทำยังไงก็ได้ ให้กรรมการจำเราได้ ประทับใจ ตั้งแต่ครั้งแรก ในรอบนี้ จะมีการพูดคุยเล็กน้อย หรือ บางคนก็อาจจะไม่มีการพูดคุยเลย แล้วแต่กรณี วินาทีแรก ที่ก้าวเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ อาจจะมีการทักทายกันเล็กน้อย เช่น

  Hi/Hello/Good Morning How are you ?
  What is your name?
  Tell me about yourself.
  Why do you want to be a cabin crew/flight attendant?
  Why do you want to work with us?

  ซึ่ง จะใช้เวลาสั้น มากๆ อาจจะใช้เวลาเพียง 1-2 นาทีเท่านั้น ในรอบนี้ เป็นการพูดคุยสั้นๆ ซึ่งสั้นจริงๆ ซึ่งรอบนี้ จะตัดคัดเลือกผู้เข้าสมัครจาก พันๆ คนเหลือเพียงแม่กี่ร้อยคนเท่านั้น เห็นไหมหล่ะคะว่า รอบแรกนี้ สำคัญอย่างไร ดังนั้น อย่างลืม หาวิธีสร้างความมั่นใจ ไปให้พร้อม สำหรับการสัมภาษณ์แอร์ รอบแรก

• ขั้นตอนการสอบภาษาอังกฤษ

  ขั้นตอนนี้ จะเป็นรอบถัดมาจากรอบแรก จะเป็นช่วงที่ กรรมการจะแจกข้อสอบภาษาอังกฤษ วัดความรู้ทั่วๆไป พร้อมกับวัดความสามารถ ทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษไปในตัวแอบบอกว่า รอบนี้ ถ้าน้องๆบางคน ไปวอร์คอิน ประเทศแถบยุโรป หรือ ประเทศที่เค้าใช้ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารหลัก อยู่แล้ว อาจจะไม่มี ขั้นตอนนี้นะคะ จะข้ามไปที่ สัมภาษณ์กลุ่ม และ สัมภาษณ์เดี่ยวๆเลยตามลำดับ

• ขั้นตอนสัมภาษณ์รอบกลุ่ม (Group Discussion)

  การสัมภาษณ์กลุ่ม หรือ ที่เรามักเรียกกันว่า รอบ กรุ๊ป ดิชคัชชั่น นั่นก็คือ การที่ กรรมการจะให้เราจับกลุ่ม 6-12 คน แล้วอภิปรายหัวข้อที่กรรมการกำหนดให้ กันภายในกลุ่ม และ อาจจะมีการส่งตัวแทนกันภายในกลุ่มออกมา พรีเซ็นต์ หน้าห้องต่อหน้ากลุ่มอื่นๆ ซึ่ง ขั้นตอนนี้ จะเป็นรอบที่ กรรมการ สังเกต สังเกต สังเกต แล้ว ก็ สังเกต พฤติกรรม ของแต่ละคน ภายในกลุ่ม ว่ามีความร่วมมือ ในการทำงานกับคนอื่นๆ อย่างไร ซึ่ง กรรมการจะเห็น พฤติกรรม ต่างๆ ในการทำงานของน้องๆ ได้อย่างชัดเจน ก็ จากการทำงานของน้องๆ ในกลุ่มนี่แหละค่ะซึ่ง เราควรวางตัว ในการทำกิจกรรมกลุ่ม นี้อย่างไรบ้าง มาดูกัน พร้อมตัวอย่างสถานการณ์

• ขั้นตอนพูดหน้าห้อง (Public Speaking)

  จากนั้น ก็จะมีการสัมภาษณ์ โดยการให้เรา หยิบ เอาคำศัพท์ใด คำศัพท์หนึ่งขึ้นมา เป็นกระดาษ ที่กรรมการเตรียมไว้ และ ให้ออกไปพูดหน้าห้องสัมภาษณ์ คือ การวัดไหวพริบ และ การคิดนอกกรอบ ของเราว่าจะสามารถ มีความคิดสร้างสรรค์ ในการจัดการกับปัญหาเฉพาะหน้าไหม ซึ่ง สายการบิน เอมิเรตส์ และ กาตาร์แอร์เวย์ นิยม ใช้วิธีนี้เป็นอย่างมาก ในการคัดเลือกผู้เข้าสมัคร โดยเฉพาะ รอบที่มีผู้เข้าสมัครเยอะๆเทคนิคในการทำ Public Speaking ในการสมัครแอร์ สมัครสจ๊วต คือ 
  ให้พยายาม คิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ แต่ ไม่ออกนอกโลก คือ ยังคงอิงพื้นฐานของความเป็นจริง อยู่ด้วย

• ขั้นตอนสัมภาษณ์รอบสุดท้าย หรือ รอบ Final Interview

  ขั้นตอนการสัมภาษณ์รอบสุดท้าย หรือ รอบไฟนอล เป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวๆ รอบนี้ เป็นช่วงที่เราจะต้องเตรียมตัว ตอบ คำถามสัมภาษณ์งานเชิงพฤติกรรม ไปให้มากๆ เพราะช่วงนี้แหละค่ะ ที่กรรมการจะ ถาม และ ขอให้เรา ยกตัวอย่างสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ในชีวิตว่า ทำไมเราถึงทำแบบนั้น เคยเจอปัญหา หรือ ประสบการณ์แบบนั้นแบบนี้ไหมเป็น รอบการสัมภาษณ์แอร์ ที่จะใช้เวลา ประมาณ 30-40 นาที โดยส่วนมาก จะเป็น ผู้เข้าสัมภาษณ์ 1 คน ต่อกรรมการ 3 คน จะมีคนนึงเป็นคนถามหลัก คนนึงเป็นคนคอยจด และ สังเกต ทั้งหมด ดังนั้น ถ้าน้องๆ เตรียมตัว ตอบคำถามในรอบสุดท้ายไป ดีๆ ไม่ต้องกลัวแน่นอนค่ะ
  ทำยังไงให้ผ่านไปถึงรอบไฟนอล อ่านที่นี่

• ขั้นตอนสอบว่ายน้ำ

  ขั้นตอนการสอบว่ายน้ำ จะเป็นขั้นตอนท้ายๆ ที่ไม่ควรพลาด หรือ ตกรอบ นะคะ เพราะกว่าจะผ่านมาแต่ละด่าน นั้นยากเย็นแสนเข็ญ ส่วนมาก จะเป็นสายการบินในประเทศไทย เช่น การบินไทย เป็นต้น ที่จะมีการสอบว่ายน้ำ ซึ่ง
  จะแบ่ง ระยะทางในการว่ายน้ำ สมัครแอร์ สำหรับผู้หญิง และ ผู้ชายจะแตกต่างกัน

  ผู้หญิง จะต้องว่ายให้ได้ 50 เมตร
  ผู้ชาย จะต้องว่ายให้ได้ 100 เมตร
  
  โดยที่ น้องๆควรจะฟังคำสั่งให้ดีนะคะ ว่า สายการบินขอให้ว่าย ลอยตัวในน้ำ จากอีกฝั่ง ไป อีกฝั่งนึง ถ้าเค้าไม่ได้สั่งให้ ดำน้ำ ก็อย่าดำ นะคะ ให้ว่ายเท่านั้น

• ขั้นตอนการ ตรวจร่างกายแอร์-สจ๊วต

  ขั้นตอนการตรวจร่างกาย ในการสมัครแอร์ และ สมัครสจ๊วต จะทำท้ายสุด ของการสัมภาษณ์งานทั้งหมด ซึ่ง สายการบินจะขอให้เราไป ตรวจสุขภาพ ต่างๆ ตาม list ที่สายการบินขอ และ ขอให้ส่งผลตรวจสุขภาพ ไปให้ผ่านทาง อีเมล์ โดยต้องบอกก่อนว่า ค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพ ทั้งหมด เราจะต้องเป็นคนออกเอง นะคะ เพราะเรายังไม่ได้รับเข้าทำงานอย่างเป็นทางการซึ่ง สายการบิน สามารถ ไม่รับเราเข้าทำงานได้ ถ้าเรามี โรคติดต่อ ดังต่อไปนี้ โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบ บี โรควัณโรค ตาบอดสี เป็นต้น